นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เข้าร่วมรับฟังประเด็นปัญหาการสร้างตึกสูง 41 ชั้น ติดถนนใน
ซอยเกอเธ่ สาทร 1 เขตทุ่งมหาเมฆ พร้อมด้วยนายแก้วสรร อติโพธิ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายขวัญสรวง อติโพธิ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาชุมชนและตัวแทนที่ได้รับผลกระทบ
.
นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มารับฟังปัญหาจากชาวชุมชนซอยเกอเธ่ที่เดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างอาคารใหญ่ 41 ชั้น ทั้งที่ซอยเกอเธ่เป็นซอยเล็กมาก แคบ กว้างไม่ถึง 6 เมตร ซึ่งมีปัญหาด้านการตีความกฎหมายเพื่อเอื้อต่อบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในการที่จะได้รับการอนุมัติโครงการก่อสร้าง ชัดเจนว่าโครงนี้ไม่ไ้ด้กระทบแค่ชาวชุมชนเกอเธ่แต่กระทบในวงกว้างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่อยู่ในเส้นทางจราจรที่เป็นทางผ่านระหว่างรถที่วิ่งมาจากเส้นพระราม 3 เพื่อออกสู่พระราม 4 ออกสู่สาทรและสีลม ปัจจุบันสภาพการจราจรก็ติดขัดอย่างมากยู่แล้ว ถ้ามีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาในพื้นที่ในซอยที่คับแคบเช่นนี้ได้ จะส่งผลกระทบในวงกว้างแน่นอน
.
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า จากที่ฟังเห็นประเด็นปัญหา 3 ระดับชั้น ระดับแรกคือการทำงานในส่วนของการตรวจสอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง หรือ EIA ในหลายๆโครงการ สาเหตุส่วนหนึ่ง เป็นเพราะผู้ว่าจ้าง ได้รับการว่าจ้างโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ในหลายกรณี ไม่ได้ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างในการได้รับอนุญาตก่อสร้างโครงการ ทำให้ประชาชนพึ่งพา EIA ไม่ได้ กรณีนี้ก็เช่นกัน
.
นายกรณ์ ระบุอีกว่า ระดับที่สอง คือการตีความกฎหมาย ชุมชนที่นี่ศึกษากฎหมายอย่างละเอียด พบการตีความที่ส่อต่อการขัดเจตนาความตั้งใจของกฎหมายชัดเจน จึงได้เตรียมฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อระงับคำสั่งอนุมัติการก่อสร้างโดย กทม. ซึ่งจะดำเนินการในสัปดาห์หน้า ส่วนตัวเห็น เข้าใจและเห็นด้วยในความกังวลที่ประชาชนที่นี่มี แต่ต้องรอให้ศาลพิจารณา และระดับสุดท้าย คือนโยบายของผู้มีอำนาจดูแล กทม. นั่นคือ ตัว ผู้ว่าฯ กทม.
.
จากนี้ต้องมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ว่านโยบายของผู้ว่า กทม. ไม่ว่าจะท่านปัจจุบัน หรือที่จะเลือกตั้งเข้ามาในอนาคต ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่คนกรุงเทพ ประเด็นปัญหารถติด การจราจร ปัญหามลพิษ หรือยังจะเอื้อต่อโอกาสของทุนใหญ่ โดยเฉพาะทุนใหญ่ในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพราะบางครั้งต้องมีการตัดสินใจเชิงนโยบาย ว่ากฎเกณฑ์ กติกา ระเบียบที่ออกมาต้องการให้ง่ายต่อการสร้างอาคารเหล่านี้ แม้กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือจะเน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากกว่า เพื่อให้คนกรุงเทพมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
.
“พร้อมสนับสนุนเต็มที่ เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีเรื่องนโยบายเกี่ยวข้องด้วย ถ้านโยบายดี มีความชัดเจนจากผู้มีอำนาจสูงสุด เรื่องแบบนี้คงเกิดยาก สิ่งที่ทางกฎหมายของภาคเอกชนมีอยู่แล้ว หากเขามีสิทธิ์ทางกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ทำได้ อย่างไรก็ตาม หากกฎหมายล้าหลังหรือไม่เหมาะสมต่อสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ควรมีการแก้ไขด้วย สำคัญที่สุด เราให้ความสำคัญกับอะไร เราให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต หรือนายทุน” นายกรณ์ กล่าว
.
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ ในฐานะที่ปรึกษาชุมชน กล่าวว่า โครงการก่อสร้างอาคารสูงนี้ มี41 ชั้น จำนวน 500 กว่าห้อง สูงเกือบ 200 เมตร อยู่ติดซอยเกอเธ่ ซึ่งกว้างเพียง 4.95 เมตร เบื้องต้นพบปัญหาเรื่องเสียง แรงสั่นสะเทือนจากการก่อสร้าง ทำให้สอนหนังสือไม่ได้ คนอาศัยอยู่ไม่ได้ บ้านเช่าไม่มีคนเช่าอยู่ มีปัญหามลพิษฝุ่นควันจากการก่อสร้าง หากสร้างเสร็จจะมีปัญหารถติดถึงขั้นเป็นอัมพาต ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบการตีความกฎหมายผิด ใช้กฎหมายไม่ถูกต้อง จึงมีการออกหนังสือเตือนถึงผู้อำนวยการฝ่ายโยธาธิการ กรุงเทพมหานคร
.
นายแก้วสรร ระบุว่า อีกทั้งยังพบแบบแปลนการก่อสร้างผิดกฎหมายชัดเจน โดยทางผู้อาศัยในละแวกนี้ที่ได้รับผลกระทบได้ยื่นหนังสือไปเดือนกว่าแล้ว หากไม่มีการแก้ไข ภายในสัปดาห์นี้ จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่สั่งให้หยุดสร้างตึกที่ผิดกฎหมายต่อไป
‘กรณ์’ร่วมค้านสร้างตึกสูงใจกลางเมือง ส่อกระทบคุณภาพชีวิตคนกรุง จี้ผู้มีอำนาจออกนโยบายคำนึงถึงปชช.
- Advertisement -