เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้โพสต์คลิปไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์ พาย้อนเตือนอดีตสมัยที่อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ขออนุญาตศาลฎีกาฯ เดินทางออกนอกประเทศ อ้างว่าไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่น โดยระบุวันเดินทางระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม-10 สิงหาคม 2551 ส่วนคุณหญิงพจมาน ให้เหตุผลขอเดินทางไปร่วมพิธีเปิดงานกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศจีน ระหว่างในวันที่ 5-10 สิงหาคม 2551
สุดท้าย ศาลก็ถูกหลอกต้มซะเปื่อย เพราะหลังจากที่นายทักษิณและครอบครัวเดินทางออกนอกประเทศไปดูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตามที่อ้างไว้ในรายละเอียดก็ได้ทำการหลบหนีออต่างประเทศเป็นผลสำเร็จ นับเป็นการหลบหนีครั้งใหญ่ครั้งแรก หลอกทั้งศาลทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงกันแบบไม่ทันตั้งตัว
“ทักษิณ จึงต้องดิ้นต่อไป แล้วคนที่โง่จะทำโง่ซ้ำอีกหรือไม่ หากยังยอมตามใจและความต้องการของทักษิณอีกจึงเท่ากับเป็นคนโง่กลับชาติมาเกิด เพราะทำให้บ้านเมืองและกระบวนการยุติธรรมเละเทะไปหมด เราหวังว่า ทักษิณ อยู่ในประเทศ ไม่ต้องหนีไปไหน เพราะอย่างน้อยทำให้บ้านเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมบ้าง”
ในระหว่างการไลฟ์ถาม นายจตุพร ได้กล่าวเสริมว่าจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อย่ามาอ้างว่าไม่มีพฤติกรรมหลบหนีคดีจึงควรได้รับการประกันตัว ไม่อย่างนั้นก็อาจเกิดเหตุซ้ำรอยเดิมความผิดพลาดที่ศาลปล่อยให้นักโทษทางการเมืองหลุดออกไปได้นานหลายสิบปี
ดังนั้น การเดินทางไปศาลของนายทักษิณ ในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 จึงไม่ใช่สิ่งยืนยันว่าเขาจะไม่เล่นแง่หรือโกหกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา
ส่วนกรณีคนที่ถูกกล่าวหาคดี มาตรา 112 ทั้งหมดเคยถูกขังคุกมาก่อน ลิ้มรสข้าวแดงและสัมผัสชีวิตในกรงขังมาอย่างสาหัส ก่อนที่ศาลจะประกาศอนุญาตให้ประกันตัวได้ เนื่องจากไม่มีพฤติกรรมหลบหนี
เมื่อเทียบกับสิ่งที่นายทักษิณเจอในระหว่างกระบวนการสอบสวนคดีหลังจากที่กลับมารับโทษที่ประเทศไทย ก็เรียกได้ว่ายังไม่เจอของจริง
นายจตุพรยืนยันว่า ตนจัดรายการประเทศไทยต้องมาก่อน ไม่เลือกข้างแน่นอน พร้อมจะคุยเปิดความคิดกับคนทุกกลุ่ม
“คนที่ร่วมมือกับบิ๊กป้อมก็พรรคเพื่อไทย ร่วมมือกับพล.อ.ประยุทธ์ก็พรรคเพื่อไทยไม่ใช่เหรอ สว.152 เสียงมาหนุนตั้งนายกฯ ก็เป็นคนของฝ่ายยึดอำนาจไม่ใช่เหรอ อีกอย่างทักษิณ กลับไทยในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จึงเข้ามาได้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการลดโทษก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ถวายความเห็นประกอบพระราชวินิจฉัยก็เป็นนายวิษณุ เครืองาม แล้วไงละ ใครร่วมมือกับเผด็จการ”
จากนั้นนายจตุพรก็ได้กล่าวว่า คนมีหน้าที่ในบ้านเมืองไม่ยอมแก้ปัญหา ส่งผลให้จุดเริ่มต้นไม่ถูกต้องชอบธรรม จะทำให้สิ่งต่อ ๆ ไปไม่ถูกต้องตามไปด้วย บ้านเมืองจะเสียหายมากขึ้น หากไม่มีใครรับผิดชอบ และบ้านเมืองจะพลิกผัน หากไม่มีใครแก้ไขปัญหา
“หลักสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ความเสียหายของบ้านเมือง การขออนุญาติกลับมาเลี้ยงหลาน โดยขออนุญาติใคร และการขออนุญาติไว้ก็ไม่ทำตาม จึงเป็นจุดเริ่มความผิด พร้อมทั้งทำลายพระบรมราชโองการลดโทษให้ด้วย โดยไม่ยอมติดคุกสักวัน กระทั่งถึงขณะนี้ บ้านเมืองเกิดความเสียหายตามมาอีกหลายกรณี แล้วคนโง่ยังจะเชื่อกันอีกไหวเหรอ นอกจากนี้ อ้างกลับมาสกัดพรรคก้าวไกล แต่ยิ่งทำให้ก้าวไกลมีเสียงนิยมเพิ่มขึ้น ดังนั้น หลักคิดนี้ผิดโดยสิ้นเชิง”.
นายจตุพรทิ้งทวนในช่วงท้ายว่า พรรคเพื่อไทย อ้างว่าตนไม่มีพิษมีภัย แต่อยู่กินกับรัฐบาลฝ่ายเผด็จการนานถึง 9 เดือน ยังจะโกหกเข้าข้างตัวเองต่อไปแบบนี้อีกเหรอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของกลุ่ม ไอโอ พรรคเพื่อไทย ที่ไม่รู้จะหยิบประเด็นไหนออกมาสรรเสริญอีกแล้ว