เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า ราชทัณฑ์ปฎิบัติไม่เสมอภาค ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างกรณีทักษิณ ชินวัตร กับกรณีของบุ้ง ทำให้อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัวถึง 110 วัน จนเสียชีวิตเมื่อ 14 พ.ค.นี้
ดังนั้น การเสียชีวิตของบุ้ง-เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมปฏิรูปโครงสร้างสังคม กลุ่มทะลุวัง ควรเป็นอุทาหรณ์กับการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรมดูแลกรมราชทัณฑ์ ซึ่งรู้ดีว่า การอดอาหารของบุ้งและคนอื่นนั้นต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มข้น เพราะได้แสดงความเด็ดเดี่ยว นิ่ง ไม่ยี่หระกับความเป็นความตายเบื้องหน้า
สำหรับ รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จะตั้งกรรมการตรวจสอบนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ความเป็นจริงปรากฎชัดอยู่แล้วว่า อะไรเป็นอย่างไร ยิ่งนำกรณีของบุ้งไปเทียบกับกรณีของทักษิณ ที่กลับไทยมาไม่ถึงคืน ยังใช้ดุลพินิจได้รวดเร็วส่งตัวไป รพ.ตำรวจ โดยนำการคาดการณ์มาเป็นเหตุกล่าวอ้างแบบ “เกรงว่า วิตกว่า กลัวว่า” จึงส่งตัวไป รพ.แล้วไร้การพิสูจน์ว่าอยู่ รพ.ตำรวจจริงหรือไม่
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีของบุ้งเมื่อเทียบกรณีทักษิณ จึงแสดงถึงความเหลื่อล้ำกันชัดเจน เพราะทักษิณเป็นนักโทษคดีทุจริตและอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี ม.112 เช่นกันกับบุ้งที่มีอายุ 27-28 ปีน้อยกว่ามาก แต่การปฏิบัติของทางราชทัณฑ์ที่ขึ้นตรงกับกระทรวงยุติธรรมและรัฐบาลนั้น กลับแตกต่างกัน ไม่เสมอภาคกัน และสะท้อนถึงการมีชีวิตของคนไม่เท่ากัน
อีกทั้ง กล่่าวว่า ความเป็นจริงในกรณีของบุ้งเมื่ออยู่ รพ.ราชทัณฑ์ต้องมีการตรวจชีพจร วัดความดัน หรือตรวจอะไรต่างๆ ถ้ารู้ว่าเกินมือรักษาแล้วต้องรีบส่ง รพ.ธรรมศาสตร์ แต่มาส่งในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนแล้ว กลับยิ่งไม่ตระหนักต่อปัญหาละเอียดอ่อนและชีวิตของคน
“โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยหาเสียง โดยเน้นเรื่องสิทธิ์การประกันตัวแต่ไม่ได้ทำหน้าที่อะไร เมื่อได้เป็นรัฐบาล นายกฯ ที่สั่งการกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องจะเข้าไปดูแลเรื่องความเสมอภาคก็ไม่ปฏิบัติ ถ้าดูแลบุ้งเหมือนกับทักษิณวันนี้บุ้งก็ไม่ตาย”
นายจตุพร กล่าวว่า ยังมีคนอดอาหารเหลืออยู่ในคุกอีก 3 คน จึงอยากให้สังคมมีความตระหนักว่า จะแสดงความคิดเห็นใดก็ตาม ควรเหลือพื้นที่ความเป็นมนุษย์และการต่อสู้ของคนในวัยหนึ่ง ซึ่งสังคมต้องรู้จักให้อภัย โดยเทียบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ซึ่งในอดีตจับปืนต่อสู้กับรัฐบาลไทย สังคมยังให้อภัย ให้โอกาสได้ จนได้เป็นรัฐมนตรีในวันนี้
“พวกนี้ถ้ามาเทียบกับคนรุ่นบุ้งแล้ว เทียบไม่ได้เลย นพ.พรหมมินทร์ เป็นลขาธิการนายกฯ เท่ากับเป็นนายกฯ น้อย ทำไมคนอื่นให้โอกาส แล้วตัวเองก็รับโอกาสนั้น แต่กับชีวิตของเยาวชนทำไมไม่รู้จักให้โอกาสเขาบ้าง”
พร้อมกับกล่าวว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ต้องรับผิดชอบเต็มๆ ในกรณีของบุ้ง แค่นำถ้อยคำที่เคยหาเสียงไว้ และพรรคเพื่อไทยไม่สนใจกับความตายของประชาชนเลย โดยนับตั้งแต่ทักษิณเรื่อยมาเคยเห็นพรรคนี้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคนเสื้อแดงที่ตายจากการต่อสู้สักครั้งหรือไม่ ดังนั้น ความไม่เสมอภาคจึงเป็นเครื่องมือฆ่าบุ้งในวันนี้
นายจตุพร กล่าวว่า เจตนาของบุ้งไปไกลมาก ก่อนเสียชีวิตได้ทำทุกอย่างด้วยการสติ มอบร่างให้ รพ.ธรรมศาสตร์ ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้คนอื่นไว้พร้อม ดังนั้น ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุดยิ่งซ้ำเติมให้บาดแผลร้าวลึกไปเรื่อยๆ