‘ชวน’กรีดเจ็บ!!จี้เลิกวัฒนธรรมเกรงใจ ส่งข้าราชการเข้าคุกแทนนักการเมือง เผยเคยแจ้งนายกฯ คนรับไม่ได้ลดโทษคนโกง

0
382

วันนี้(11 เม.ย.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้จัดสัมมนาวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี การก่อตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยนายชวน หลีกภัย  ประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ”ผู้ตรวจการแผ่นดินกับการเสริมสร้างความเป็นธรรมในสังคม” ระบุว่า  หลักธรรมาภิบาล หรือ หลักการบริหารงานของทั้งภาครัฐและเอกชน กำหนดหลักกว้างๆ คือ หลักนิติธรรม  หลักคุณธรรมจริยธรรม หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน หลักการตรวจสอบถ่วงดุลและหลักความรับผิดชอบ และหลักการคุ้มค่า แต่แม้ใช้หลักเหล่านี้ ความผิดพลาดก็ยังเกิดขึ้น
.
นายชวน ระบุอีกว่า ผู้บริหารติดคุกตะรางกันมากมาย ในสถิตินับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมา เราไม่เคยมีผู้บริหารระดับสูงติดคุกตั้งแต่ตัวนายก รมต. ปลัดกระทรวง อธิบดี ไปจนถึงระดับล่าง ๆ  คนติดคุกเหล่านี้มาจากการละเมิดหลักธรรมาภิบาลที่กำหนดไว้ แสดงว่าหลักนี้แม้มีการประกาศใช้แล้วก็ตาม แต่ก็มีปัญหาบางอย่างในสังคมเรา  ซึ่งตนคิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถตรวจสอบได้นั่นคือหลักที่รู้ว่ามันไม่ถูก แต่มันเป็นวัฒนธรรมของความเกรงใจกัน
.
“ผมไปดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก็ดี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินก็ดี และศาลอื่นที่ตัดสินความผิดผู้กระทำความผิดที่มีฐานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ส่วนใหญ่ก็มาจากรู้ว่า หลักที่กำหนดนั้นควรทำอย่างไร  แต่ว่าความเกรงใจหรือความที่กลัวว่าจะกระทบต่อสถานภาพตัวเอง ก็เลยไปออกนโยบายหรือทำอะไรที่ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล  เลยทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นผู้ที่ต้องโทษ จำคุกมากเป็นประวัติการณ์ ไม่เคยมียุคใดที่มีคนระดับสูงตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ไปถึงปลัดกระทรวง อธิบดี  ติดคุกมากเช่นขณะนี้ แสดงให้เห็นว่า ลำพัง เพียงกฎหมายอย่างเดียวนั้นไม่พอ จำเป็นต้องอิงเรื่องอื่นๆ  เช่นต้องทำความเข้าใจวัฒนธรรมเรื่องความเกรงใจว่า เราจะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้อย่างไร”นายชวน กล่าว
.
นายชวน ยังระบุว่า ขอใช้คำว่าเราขัดใจผู้บังคับบัญชาดีกว่าที่จะเลี่ยงติดคุกในอนาคต เพราะดูแล้วคนที่ติดคุกที่เป็นข้าราชการเหล่านั้นเขาทำตามที่ฝ่ายการเมืองแนะนำให้ทำฝ่ายการเมืองปลอดภัย แต่ฝ่ายประจำติดคุก เพราะไปทำตามที่เขาสั่งให้ทำโดยวาจา ไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เช่นสั่งให้ตั้งคนของเขาเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ก็ทำให้ปลัดกระทรวงการคลังต้องถูกให้ออกในที่สุด หรือกรณีที่ไปปฏิบัติตามนโยบายบางเรื่องแล้วกระทบกับเศรษฐกิจของบ้านเมือง ในที่สุด รมต. อธิบดีก็เป็นผู้ที่ติดคุกแทนผู้บริหารสูงสุดที่ออกนโยบายเรื่องนั้นมา
.
“ที่ต้องพูดเรื่องนี้เพราะอยากให้มองภาพความเป็นจริงในสังคม ดังนั้นแม้มีองค์กรอื่นเกิดขึ้นมากมายในการคุ้มครองความเป็นธรรมในสังคมก็ตามแต่ก็เหมือนว่าปัญหายังมีอยู่ การที่ผู้ตรวจการเกิดขึ้นก็หวังว่าจะไปอุดช่องว่างเหล่านี้ได้”นายชวน กล่าว
.
นายชวน ระบุอีกว่า ขณะเดียวกันกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ เรื่องการลดโทษคนโกงบ้านโกงเมือง ตนเองได้เรียนนายกรัฐมนตรีว่าประชาชนรับไม่ได้ นายกฯก็บอกว่าไม่เห็นด้วยแต่ว่าแก้ไม่ทัน คิดว่าเรื่องนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องตาม เพราะว่าถ้าเป็นอย่างนี้ โกงไปก้อนหนึ่งติดคุกไม่กี่ปี ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ติดอยู่ 7-8 ปี ออกมาแล้วเงินที่เก็บไว้ตอนโกง ลูกหลานใช้อีกหลายชั่วคนสบาย เราต้องไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น คิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินช่วยดูระดับชาติ ระดับที่คิดว่าก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแน่ๆในสังคม เกิดจากความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น
.
นายชวน ระบุว่า ทั้งนี้ได้ขอให้นายกรัฐมนตรี ช่วยทำถนนสายใหม่บ้านใต้ให้สายหนึ่งเข้ากรุงเทพฯ ด้วยเหตุผลว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติจากนโยบายฝ่ายการเมืองที่ว่าจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา ถ้าไม่เลือกก็ไม่พัฒนา ทำให้เสียโอกาส และมีความจริงอีกข้อหนึ่งคือถนนที่มีอยู่แล้วไม่ให้ซ่อม ตนอาศัยข้าราชการสำนักนายกช่วยตรวจย้อนหลัง พบว่า สมัยนั้นถนนที่มีอยู่แล้วไม่ให้ซ่อม  ทำให้ถนนภาคใต้เลวร้ายไปหมด ต้องมาแก้ไขในภายหลัง วิศวกรบอกว่ามันอายุเกิน 7 ปีแล้ว และมีน้ำเข้าไปใต้ผิวจราจร ไม่สามารถซ่อมได้มีทางเดียวคือรื้อและสร้างใหม่ เป็นเรื่องจริงที่เกิดจากการที่ผู้บริหารบ้านเมืองเลือกปฏิบัติ
.

ThePOINT #ข่าวการเมือง #สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน #ชวนหลีกภัย  #ประธานรัฐสภา #ลดโทษคนโกง