เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2566 นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ กราบถวายบังคม รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร”ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ได้เข้าบริหารประเทศ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว เมื่อวันที่ 11-13 กันยายน2566และพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนสส.มากที่สุด และสมาชิกไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธาน หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และได้มีมติเลือกนายชัยธวัช เป็นหัวหน้าพรรค อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 106 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง “นายชัยธวัช” เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นายชัยธวัช ได้ย้ำถึงการทำงานของฝ่ายค้าน ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า หลังจากนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะนัดคุยแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการก่อน โดยเฉพาะในการเตรียมการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เพราะในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ดังนั้นการหารืออย่างเป็นทางการจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมย้ำว่า ฝ่ายค้านจะทำงานอย่างเต็มที่ ตามที่ประชาชนให้ความหวัง และไว้วางใจ โดยจะตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ยึดประโยขน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง เข้มข้น ตรงไปตรงมา
นายชัยธวัช ยังมั่นใจว่า ฝ่ายค้าน และรัฐบาล สามารถร่วมมือกันทำงานได้ในการตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมถึงการผลักดันวาระต่าง ๆ โดนไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามกันตลอดเวลา และหวังว่ารัฐบาลจะช่วยผลักดันวาระของฝ่ายค้านด้วย โดยเฉพาะในการพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม และร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าแห่งชาติ
ส่วนการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายชัยธวัช ระบุว่า ฝ่ายค้านยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ยืนยันว่า พรรคก้าวไกล จะยึดข้อมูลและข้อเท็จจริงเป็นหลัก และไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องอภิปรายให้ได้
นายชัยธวัช ยังกล่าวถึงปัญหาความเป็นเอกภาพภายในฝ่ายค้านว่า ต้องให้เกียรติและไว้วางใจซึ่งกันและกัน เนื่องจากจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งถ้ามีแผนการและเป้าหมายร่วมกันแล้วก็เชื่อว่าจะสามารถทำงานด้วยกันได้