วันที่ 15 ก.ย. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า 42 ล้านโดสตัวเลขไม่โกหกใคร ในช่วงที่เกิดการระบาดระบอก 4 ใหม่ๆ นั้น สถานการณ์ประเทศไทย ไม่ต่างจากคำว่า “ฝุ่นตลบ” มันมัวไปหมด มองไม่เห็นเลยว่า ใครทำอะไร ที่ไหน มันตลบไปด้วยฝุ่นควันจากเหล่านักวิพากษ์ นักวิจารณ์ ทั้งหลาย จนเราแทบมองไม่เห็นอะไรเลย
.
ในฝุ่นควันที่อบอวล จนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า คนทำงาน ยังคงปฏิบัติงานของเขาต่อไป หัวใจของพวกเขาทุกคนเข้มแข็งพอ ที่จะไม่ถูกกัดกร่อนจากเสียงวิจารณ์สารพัด ที่โถมเข้ามา ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ที่สุดแล้ว การด่าทอ เสียดสี มิได้ส่งผลให้เกิดประโยชน์อันใด กลับกัน มือที่ทำงานต่างหาก ที่ผลักดันให้ประเทศไทยเจอทางออกจากสถานการณ์วิกฤต
.
เฉพาะเรื่องวัคซีน ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 โดยก่อนหน้านั้น มีการฉีดไปบ้างแล้วแก่นักรบด่านหน้า ที่ต้องสู้กับการระบาดเมื่อช่วงต้นปีเดียวกัน จำได้ไหม ทันทีที่เริ่มฉีดวัคซีน เสียงวิจารณ์ก็ตามมาทันที วัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ วัคซีนอันตราย วัคซีนไม่ต่างจากน้ำเปล่า ผู้จัดหา และผู้ให้บริการ ต้องหัวใจเข้มแข็งขนาดไหน ถึงสามารถ ทำงานในสถานการณ์เช่นนั้นได้
.
ที่สุดแล้ว ทุกอย่างก็พิสูจน์ ว่าเสียงวิจารณ์นั้น ไม่เป็นความจริง วัคซีนที่ประเทศไทยจัดหา ผ่านการรับรองโดย WHO ใช้ในโครงการ COVAX และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวันนี้ ตื่นเช้ามา สื่อบางช่องยังเย้ยหยันเรื่องเป้า 100 ล้านโดส ที่น่าจะพลาดเป้า
.
คำเย้ยหยันนั้น ถึงทีมแพทย์ ทีมพยาบาลหรือไม่…เป็นคำสบประมาท ที่เกิดขึ้นมาตลอด ตราบจนปัจจุบัน แม้ในวันที่ไทยฉีดวัคซีนไปได้กว่า 42 ล้านโดสแล้ว มีรายงานเมื่อวันที่ 12 กันยายน ว่า ยอดการฉีดนั้น ไทยแซงขึ้นเป็นที่ 2 ของอาเซียนแล้ว ถึงตัวเลขนี้ ยังไม่ถึงครึ่งของเป้าหมาย
.
แต่อย่าลืมว่าประมาณ 38 – 39 ล้านโดสนั้น เกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณ 3 เดือนเศษ และ 2 เดือนแรกนั้น ได้วัคซีนมาอย่างจำกัด ต่างจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้ ที่มีวัคซีนเข้ามาเรื่อยๆ ตามสัญญาการจัดหาตลอดปีถึง 140 ล้านโดส ท่ามกลางเสียงสบประมาท สิ่งที่เกิดควบคู่กันไปคือตัวเลขตัวเลขสถิติต่างๆ ที่สะท้อนว่า ตลอด 24 ชั่วโมง คนทำงาน ยังคงทำงานของเขา เพื่อคนไทย ทุกคน
.
- Advertisement -