หน้าแรกข่าวเด่นต่างชาติแย่งอาชีพคนไทยทะลุ 3 แสนคน! ก.แรงงาน เปิดปฏิบัติการกวาดล้าง จับแล้ว 1,689 คน กระทบกลุ่มท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ

ต่างชาติแย่งอาชีพคนไทยทะลุ 3 แสนคน! ก.แรงงาน เปิดปฏิบัติการกวาดล้าง จับแล้ว 1,689 คน กระทบกลุ่มท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ

จากกรณีชาวต่างชาติ เช่น เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม จีน รัสเซีย และ อินเดีย เข้ามาแย่งอาชีพคนไทย ทั้งในตลาดนัด ตลาดสด ร้านทำเล็บ อู่ซ่อมรถ แผงค้าขาย รถเข็น ผับบาร์ตามแหล่งท่องเที่ยว และย่านการค้าซึ่งเป็นที่นิยม ทั้งในกลุ่มชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนกระทบต่อบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่นั้น

เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดว่า กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานใช้มาตรการเชิงรุกตรวจสอบต่างชาติแย่งงานคนไทยทั่วประเทศโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เผยตรวจสอบสถานประกอบการแล้ว 25,628 แห่ง ดำเนินคดี 820 แห่ง ตรวจสอบพบชาวต่างชาติ จำนวน 306,577 คน ดำเนินคดีแล้ว 1,689 คน เป็นความผิดแย่งอาชีพคนไทย 721 คน ส่วนมากคนต่างชาติจะอาศัยอยู่ตามจังหวัดใหญ่ ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ภูเก็ต สมุย พัทยา และเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งประกอบอาชีพคนไทย และย่านการค้าแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่พบเห็นแรงงานต่างชาติทำงานจำนวนมาก

นายคารม กล่าวต่อไปว่า จากผลการดำเนินการของกรมการจัดหางาน ปีงบประมาณ 2567 (วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 18 มีนาคม 2567) มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 25,628 แห่ง ดำเนินคดี 820 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 306,577 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 232,106 คน กัมพูชา 42,698 คน ลาว 18,001 คน เวียดนาม 236 คน และสัญชาติอื่น ๆ 13,536 คน มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,689 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 875 คน กัมพูชา 318 คน ลาว 231 คน เวียดนาม 87 คน และสัญชาติอื่น ๆ 178 คน ซึ่งพบเป็นการแย่งอาชีพคนไทย ทั้งสิ้น 721 คน

แบ่งเป็นสัญชาติเมียนมา 316 คน กัมพูชา 175 คน ลาว 106 คน อินเดีย 65 คน เวียดนาม 42 คน จีน 5 คน และสัญชาติอื่น ๆ 12 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ และงานที่คนต่างชาติถูกดำเนินคดีเพราะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้แก่ งานขายของหน้าร้าน งานช่างก่อสร้าง งานกรรมกร ตามลำดับ

Thepoint #Newsthepoint

แรงงานต่างด้าว #แรงงานเถื่อน

ต่างชาติแย่งงานคนไทย

Must Read

Related News

- Advertisement -