นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้รับเชิญให้ร่วมเป็น keynote speaker ในงานเสวนาออนไลน์ “ประเทศกำลัง (ห้าม) พัฒนา”จัดโดยสมาคมทะเล thalay.eu เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของคนไทยในยุโรป ที่ปรารถนาเห็นประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตย มีความเสมอภาค และได้รับการพัฒาอย่างนานาอารยะประเทศ
.
โดยนายธนาธร พาไปย้อนดูสิบปีการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ผ่านมา ว่าห่างไกลเพียงใดจากมาตรฐานโลก แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับการพัฒนาในประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ พร้อมฉายภาพให้เห็นว่า “การเมือง” เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างแยกไม่ออกเพียงใด กับการหยุดนิ่งไม่พัฒนาของประเทศไทย
.
นายธนาธร ระบุว่า ครั้งหนึ่งเราเคยแข่งข้นกับเกาหลี พอสู้เกาหลีไม่ได้ก็กลับมาแข่งขันกับสิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งวันนี้ทิ้งเราไปไกลแล้ว วันนี้เรามาแข่งขันกับอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกซักพักพวกเขาก็จะทิ้งเราไป แล้วเราก็ต้องไปแข่งข้นกับพม่า ลาว กัมพชา นอกจากนี้ปัญหาการเมืองที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ หากเรากลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าสังคมไทยมองไม่เห็นความฝันเลย ว่า ตกลงเราอยากเป็นอะไร ความหวังของประเทศเราอยู่
ที่ไหน เราจะพาประเทศไทยไปที่ไหนในอีกสิบปีข้าง
หน้า?
.
นายธนาธร ระบุอีกว่า นั่นก็เพราะผู้บริหารทรัพยากรของประเทศ กลไกของรัฐต่างๆ ถูกนำไปใช้สืบทอดอำนาจ ซึ่งนั่นก็คือเวลา และทรัพยากรที่ไม่ได้ถกนำมาใช้เพื่อผลักดันประเทศไปข้างหน้า ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ตราบใดที่เราไม่สามารถจัดการปัญหาการเมืองนี้ได้ เราจะไม่สามารถเอาเวลาของผู้บริหาร ทรัพยากรของประเทศ กลไกของรัฐ ไปสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเท่าเทียมได้เลย
.
นายธนาธร ระบุว่า การเมืองอยู่ในทุกมิติของชีวิตเรา แค่เดินทางออกจากบ้านเจอถนนเป็นหลมบ่อ คลองหลังบ้านที่ไม่สะอาดโรงเรียนของลูกเราที่ไม่ได้คณภาพ นี่ก็คือเรื่องของการเมืองทั้งหมด อยู่ในทกอณของชีวิต การเมืองคือเรื่องของการจัดสรรทรัพยากร โดยเฉพาะการจัดสรรภาษี ประชาชนเป็นผู้จ่ายภาษี แล้วรัฐมีหน้าที่นำภาษีมาบำรุงชีวิตความเป็นอยู่ของเราให้ดีขึ้น ผ่านกลไกนักการเมืองที่มาจากการแต่งตั้งของประชาชน
.
ระบบ/ระเบียบการเมืองแบบที่เรามีตอนนี้ มีขึ้นเพื่อรับใช้
กลุ่มทุน นายทหาร และชนชั้นนำอภิสิทธ์ชน ไม่มี
ประชาชนและการพัฒนาอยู่ในสมการ สิ่งที่อยู่ในสมการมี
แต่ผลประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองของพวก
เขา ว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ระบบ/ระบอบแบบนี้อยู่ให้
นานที่สุด และทำอย่างไรให้พันธมิตรระหว่างนายทุน นาย
ทหาร และชนชั้นนำอภิสิทธิ์ชน เป็นผู้กำหนดการใช้
ทรัพยากรของประเทศไทยไปตลอดกาลได้
.
นายธนาธร ระบุว่า มันคือการเมืองที่มีการเลือกตั้งเป็นระยะ แต่ไม่มีความสลักสำคัญในทางปฏิบัติ เนื่องมาจากพันธมิตรนายทุน นายทหาร และชนชั้นนำอภิสิทธิ์ชน สามารถเข้าควบคุม ระบบราชการ รวมทั้งการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ทั้งในทางนิติบัญญัติและงบประมาณไว้หมดแล้ว โดยมีวิธี
จำกัด-เหนี่ยวรั้งการเข้ามามีอำนาจของผู้ที่ได้รับการแต่ง
ตั้งจากประชาชน พันธมิตรของคนกลุ่มนี้ ได้กุมอำนาจการตัดสินใจในทางปฏิบัติไว้แล้ว ให้คณะไม่สามารถจัดสรรงบประมาณเป็นอื่นได้ คณไม่สามารถปฏิรูปทหาร หรือปฏิรูประบบราชการได้ต่อให้คุณได้รับการแต่งตั้งมาจากประชาชน
.
นายธนาธร ระบุว่า soft power ทั้งโดยผ่านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือของชนชั้นนำอภิสิทธ์ชน ในการหล่อหลอมความคิดความเชื่อของคนไทยมาเป็นเวลาหลายสิบปี ยกตัวอย่างคือเรื่องความพอเพียง หลายเรื่องคือการสั่งสอนให้คนที่จนอยู่ต้องจนต่อไป อย่าริอาจทะเยอทะยานปืนกำแพงชนชั้น/เลื่อนชนชั้น ทำให้มันเป็นสิ่งที่ผิดบาปโลภมาก พยายามให้คนยอมจำนนต่อสถานการณ์ปัจจุบันและการเอารัดเอาเปรียบ
.
นายธนาธร ระบุว่า นี่คือสิ่งที่เป็น “เรื่องเล่าหลักของชาติ” ที่ไม่ว่าจะเป็นทุนผูกขาด กองทัพ ระบบราชการ และ soft power ต่างๆ ต่างพากันผลิตซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จนสามารถครอบงำสังคมไปถึงระดับเรื่องเล่าหลักของชาติได้ในยุคสมัยหนึ่ง ครั้งหนึ่งพรรคคอมมิวนิสต์เคยท้าทายอำนาจรัฐด้วยการจับปืน สู้กันจนพ่ายแพ้ไป ครั้งหนึ่งคุณทักษิณเคยท้าทายระบอบราชการผ่านการเลือกตั้ง และการคิดนวัตกรรมทางสังคมใหม่ ๆ อย่างองค์กรอิสระ มาท้าทายระบบราชการดึงเอาอำนาจหลายอย่างออกจากราชการ แต่สุดท้ายก็ถูกรัฐประหารไป
.
แต่การเคลื่อนไหวของเยาวชน นิสิต นักศึกษาในรอบสอง
ปีที่ผ่านมา ไม่เหมือนเดิมกับที่ผ่านมา เพราะพวกเขาไม่ได้
ท้าทายอำนาจปืน ไม่ได้ไปจับปีนสู้รบกับเขาเหมือนที่
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยทำ
.
นายธนาธร ระบุอีกว่า เรื่องเล่าหลักของชาติตอนนี้มีหลายเวอร์ชั่น และมันไม่เหมือนสมัยก่อนที่คุณสั่งให้ทุกคนหยุดพุดโดยสิ้นเชิงได้ช่องทางการสื่อสารไม่ได้เป็นของวัฐแต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป เหมือนที่ครั้งหนึ่งคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ อยู่ในมือของกองทัพ ผูกขาดการสื่อสารกับประชาชนได้ ผูกขาด เรื่องเล่าหลักของชาติได้ แต่วันนี้คุณทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ในยุคที่ทุกคนเป็นทั้งผู้ประพันธ์ ผู้ผลิตสาร และผู้เสพสารด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านช่องทางแบบเก่า และสิ่งนี้แหละที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
.
นายธนาธร ระบุว่า เมื่อคณะผูกขาดเรื่องเล่าไม่ได้ เรื่องเล่ามีหลากหลาย คุณจะไม่สามารถผูกขาดอำนาจในแบบเดิมได้อีกต่อไปและยิ่งเวลาเคลื่อนคล้อยไปข้างหน้า คนรุ่นผมวันนี้จะกลายเป็นระดับผู้นำองค์กร ที่เป็นพนักงานตอนนี้จะขึ้นเป็นผู้บริหาร ที่เป็นนักศึกษาวันนี้จะขึ้นเป็นพนักงาน ทนายความ ตำรวจ นักการเมือง ฯลฯ ในตำแหน่งต่างๆ นักเรียนวันนี้จะขึ้นเป็นนักศึกษา คลื่นลูกใหม่ พลังแห่งการเวลา จะพัดพาซัดให้ความคิดแบบเก่าตกหายไปเป็นทอดๆ ผมจึงเชื่อในการทำงานการเมืองที่ค่อยๆ รณรงค์ไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ได้
.
- Advertisement -