นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแกนนำ กทม. พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า เป็นหน้าที่ของคนทำงานทุกคน ที่ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือรับงานฟรีแลนซ์ ก็จำเป็นต้องยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นประจำทุกปี ยิ่งมีรายได้มากก็ยิ่งต้องเสียภาษีมากตามไปด้วย แล้วจะดีแค่ไหน ?? ถ้าภาครัฐมีการออกมาตรการช่วยคนที่เสียภาษีให้รู้สึกได้รับประโยชน์คุ้มค่ากับที่เสียไป
.
นายพุทธิพงษ์ ระบุอีกว่า เราจะเห็นมาตรการหรือสิทธิลดหย่อนภาษีประเภทต่างๆ ที่ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคต่างๆ การซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการจ่ายใช้สอยต่าง ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยเฉพาะมาตรการที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะอัดมาด้วยมาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อดึงดูดให้มีการใช้จ่าย เพราะการอุปโภคบริโภคเป็นปัจจัยสำคัญ เพื่อเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ
.
นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า ที่ผ่านมามาตรการลดหย่อนภาษีหรือแพ็กเกจต่างๆ ที่ออกมา มักจะมีเงื่อนไขการใช้สิทธิที่จำกัดทั้งวงเงินที่จะใช้ลดหย่อนภาษีได้ว่าจะต้องไม่เกินเท่านั้น เท่านี้บาท รวมทั้งระยะเวลาการใช้สิทธิ เช่น ต้องใช้สิทธิ ภายใน 3-4 เดือนเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทำให้หลายคนมีข้อสงสัยและสับสนในหลายเรื่อง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถปรับเพดานวงเงินที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ พร้อมการขยายเวลาใช้สิทธิ
.
นายพุทธิพงษ์ ระบุด้วยว่า พรรคภูมิใจไทย จึงมีไอเดียช่วยคนเสียภาษี ด้วยมาตรการ “ใช้ VAT เพื่อหักภาษีส่วนบุคคลสูงสุด 150,000 บาท/ปี” ผ่านระบบ eTAX โดยการให้ผู้เสียภาษีสามารถสะสมวงเงินที่จะใช้ลดหย่อนได้ตลอดทั้งปี เพื่อนำมาหักภาษีส่วนบุคคลได้ในเพดานสูงสุดที่ 150,000 บาท ยิ่งช้อปซื้อสะสมยิ่งได้รับการลดหย่อนภาษี ถือเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายของกลุ่มที่มีกำลังซื้อ พร้อมช่วยให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และยังเป็นช่วยกระตุ้นจีดีพีให้ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น วัยทำงานที่ต้องสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่จะได้รับ VAT กลับมา เพื่อให้”ภูมิใจ”ที่ได้ทำหน้าที่พลเมืองในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี และยังได้รับประโยชน์กลับมา ไม่ใช่การเสียเปล่าๆ
.

ThePoint #ข่าวการเมือง #บีพุทธิพงษ์ #พุทธิพงษ์ปุณณกันต์ #ภูมิใจไทย #สสกทม #นโยบายพรรคการเมือง