นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โทรศัพท์ของผมถูก “โจร” ใช้ Pegasus Spyware เจาะ 8 ครั้ง เพื่อสอดแนมติดตาม วันนี้ iLaw และ CitizenLab ร่วมกับนักวิชาการและนักกิจกรรมแถลงข่าวเรื่อง “ปรสิตติดโทรศัพท์ : ปฏิบัติการสอดส่องผู้เห็นต่างด้วยสปายแวร์เพกาซัสในประเทศไทย” เพื่อเปิดเผยว่านักกิจกรรม นักวิชาการ หลายคนถูกโปรแกรม Pegasus Spyware เจาะเข้าระบบเพื่อติดตามสอดแนม
.
ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ผมได้รับอีเมล์แจ้งเตือนจากบริษัทแอปเปิ้ล หัวข้อ “ALERT : State-sponsored attackers may be targeting your iPhone” อ่านดูตอนแรก ก็คิดว่านี่เป็นจังค์หรือไม่ แต่ปรากฏว่า ถามไถ่หลายๆ คนในแวดวง ก็ได้รับอีเมล์แจ้งเตือนแบบนี้เช่นเดียวกัน มีผู้บอกผมว่า ทาง Citizen Lab ได้ประกาศเตือนว่า มีบริษัทสปายแวร์แอบสอดแนมผู้ใช้งาน iPhone หลายคน ส่วนใหญ่เป็นนักกิจกรรม นักวิชาการ นักข่าว นักการเมือง ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เหตุการณ์แบบนี้เกิดข้ึนในหลายประเทศ
.
ผมทราบดังนั้น ก็เลยรบกวนให้ทาง iLaw ช่วยประสานงานนำ iPhone เครื่องดังกล่าวให้ทาง Citizen Lab ตรวจสอบดู ผลปรากฏว่า iPhone ของผมเครื่องดังกล่าว ถูกโปรแกรม Pegasus Spyware บุกเจาะเข้าไปรวมทั้งหมด 8 ครั้ง ระหว่างวันที่ 3 ธันวาคม 2563 ถึง 4 กรกฎาคม 2564 Citizen Lab และ iLaw อธิบายว่า Pegasus Spyware ผลิตโดยบริษัท NSO Group บริษัทผู้ให้บริการด้านความมั่นคงไซเบอร์ จากอิสราเอล โดยบริษัทจะขาย Pegasus Spyware นี้ให้กับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น และทางการอิสราเอลต้องอนุมัติเสียก่อน
.
หากโทรศัพท์เครื่องใด ถูก “เจ้าม้าขาว เพกาซัส” เจาะเข้าไปได้สำเร็จ โทรศัพท์เครื่องนั้นจะแปลงสภาพกลายเป็นเครื่องมือสอดแนมระยะไกล สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดในโทรศัพท์ ทั้งภาพ วิดีโอ ข้อความ บันทึกการโทร และยังเปิดกล้อง ไมโครโฟนเพื่อสอดแนมพฤติกรรมของเจ้าของโทรศัพท์ได้อีกด้วย โดยที่เจ้าของไม่มีทางรู้ตัว
.
ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของ “เจ้าม้าขาว เพกาซัส” นี้มาอยู่บ้าง ตอนเดินทางมาฝรั่งเศส เพื่อนนักการเมืองและนักกิจกรรมที่นี่เล่าให้ผมฟังถึงอิทธิฤทธิ์ของเจ้าม้าขาวตัวนี้ และก็เล่าว่านักการเมือง สื่อ เอ็นจีโอ ที่นี่โดนกันหลายคน แต่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่ง ไทยจะสั่งเข้ามาใช้ วันหนึ่ง ผมจะโดนเสียเอง แต่ไหนแต่ไร เราอาจรู้จักเรื่องการสอดแนมผ่านเทคโนโลยีได้จากการดูภาพยนตร์และซีรีส์ แต่มาวันนี้ ไม่ต้องดูทางหนังหรือซีรีส์แล้ว ดูกับตนเองนี่แหละ
.
นับตั้งแต่ประกาศตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผมโดนหน่วยงานของรัฐติดตาม สอดแนม อยู่บ่อยครั้ง สมัยก่อนตอนเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มีโดนติดตามอยู่บ้าง แต่ก็เฉพาะตอนจัดงานเสวนาสาธารณะที่มีคนมาฟังจำนวนมาก จนหลังรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เริ่มไปกันใหญ่ ส่งเจ้าหน้าที่มานั่งฟังปะปนกับนักศึกษาในห้องบรรยายระดับปริญญาตรี
.
ผมคุ้นชินกับเรื่องผิดปกติพรรค์นี้อยู่พอสมควร พอเข้ามาแวดวงการเมือง ก็คาดได้ว่าคงจะเจอเรื่องทำนองนี้อีกมาก แต่ที่เกินคาด คือ มากเกินไป และหลายเรื่องเป็นการกะทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใช้อำนาจโดยมิชอบ คุกคามทั้งตัวผมและคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผม
.
ตั้งแต่ส่งคนติตตามไปทุกที่ ทุกจังหวัดที่ผมไป เมื่อจบภารกิจจังหวัดหนึ่ง ผ่านแดนไปอีกจังหวัดหนึ่ง ก็ส่งต่อให้อีกทีมทำงานกันต่อเป้นทอดๆ บางครั้ง หลายหน่วยงานก็ส่งเจ้าหน้าที่ของตนเองมาติดตามสอดแนมผมพร้อมๆ กันโดยมิได้นัดหมาย เอารถมาจอดเฝ้าหน้าหมู่บ้านทุกวัน เมื่อไรที่รถของผมออกจากหมู่บ้านก็ขับตาม เอาชื่อผมขึ้นลิสต์ไว้ทุกสนามบิน เมื่อปรากฏว่าชื่อผมเดินทางไปลงสนามบินไหน พวกเขาก็จะส่งคนติตดามหรือไปกดดันและสอบถามทีมงานในจังหวัดต่างๆ ขององค์กรที่ผมสังกัดทันที
.
เดือนก่อน ไปรณรงค์ “ปลดล็อกท้องถิ่น” ที่พิษณุโลก ตำรวจก็สั่งการผ่านหนังสือ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเฝ้าระวังผมเต็มที่ เนื้อหาในหนังสือทำราวกับว่าผมเป็นอาชญากร จนมาถึงเรื่องล่าสุด Pegasus Spyware ผมเคยคิดว่า การติดตามสอดแนมคุกคามที่บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อผม มันคงยุติได้ตามเส้นพรมแดนสมมุติที่วาดเป็นอาณาเขตประเทศไทย เมื่อเราเดินทางไปประเทศอื่น คงพ้นจากอำนาจรัฐไทยในการตามสอดส่อง
.
เวลาผมรอขึ้นเครื่องบินก่อนเดินทางออกนอกอาณเขตประเทศไทย ยังคิดเล่นๆ เชิงสัญลักษณ์ว่า “เออ อีกไม่กี่ชั่วโมง เราก็จะพ้นจากอำนาจรัฐไทยที่คุกคามเรา อย่างน้อยๆ ชั่วคราวก็ยังดี” แต่พอผมเจอ “เจ้าม้าขาว เพกาซัส” นี้เข้าไป กลายเป็นว่า ไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน มันก็สามารถติดตามผมไปได้ทุกที่ การใช้ Pegasus Spyware ติดตามสอดแนมผม นักกิจกรรม นักวิชาการ จำนวนมากในครั้งนี้ ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน รัฐบาลไทยไม่มีอำนาจใดๆตามกฎหมายที่จะละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนบุคคลและเสรีภาพในการแสดงออกได้ถึงขนาดนี้
.
รัฐบาลไทยไม่สามารถอ้างเรื่องความมั่นคงมาเป็นเหตุผลในการทำชั่วๆ แบบนี้ได้เลย เพราะบุคคลที่ถูกเฝ้าติดตาม ไม่ได้กระทำการใดที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ การแสดงออกของพวกเขาทั้งหมด มิได้กระทบต่อการดำรงอยู่ของประเทศไทย มิได้ไปทำภยันตรายใดๆ ต่อรัฐไทย ต่อให้พูดให้เขียนไปอีกกี่ครั้งกี่หน รัฐไทยก็ยังคงอยู่ในโลกนี้ได้ การแสดงออกของพวกเขา หากจะเป็นภยันตรายต่อใครได้บ้าง ก็คงเป็นบรรดาคนที่มีอำนาจอยู่ในรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งคนละเรื่องกับความมั่นคงของรัฐ
.
การติดตามสอดแนมด้วย Pegasus Spyware ไม่เพียงแต่กระทำการอุกอาจลงไปโดยปราศจากกฎหมายให้อำนาจแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนบุคคลและเสรีภาพในการแสดงออก โดยเกินกว่าเหตุ จะไม่เรียกว่าเกินกว่าเหตุได้อย่างไร ในเมื่อเทคโนโลยีตัวนี้ที่พวกเขาเอามาใช้ทำชั่วๆ อย่างหน้าด้าน น่าไม่อาย มันสามารถทำให้พวกเขาเหมือนเข้ามานั่งเฝ้าอยู่ในบ้านเรา 24 ชั่วโมง ทุกวัน หนำซ้ำมันยังช่วย “ขโมย” ข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละคนได้อีก
.
คนที่ใช้เครื่องมือแบบนี้ ไม่ควรเรียกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ควรเรียกว่า “โจร” และถ้าใส่เครื่องแบบกระทำการ ก็เป็น “โจรในเครื่องแบบ” ถ้อยคำข้ออ้างชั่วๆ ว่า “แหม ติดตามสอดแนมนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องกลัวหรอก” ใครที่พูดแบบนี้ ก็ต้องโดนถามกลับไปดังๆ ว่า “นิดหน่อยบ้านบิดามารดรคุณหรือ ในเมื่อมันสามารถเฝ้าติดตามได้ตลอดเวลา แถมยังขโมยของของเราไปได้ด้วย”
.
“ไม่ได้ทำผิดกลัวอะไร อ่อ ถ้างั้น เอาไปติดตามพวกคุณ พวกคนในรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ/ตำรวจ บ้างมั้ย” ผมยืนยันว่า เรื่องนี้คือเรื่องอุกอาจ ร้ายแรง เลวทราม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเหยื่อหัวร้อนไปเอง
.
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนไม่ชอบผม อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับผม จะมาดีอกดีใจ เพราะถ้าเรายอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ต่อไป ไม่ว่าใครก็ถูกละเมิด ถูกสอดแนมติดตามได้ทั้งสิ้น เรื่องนี้ผิดกฎหมาย ถ้ารัฐมนตรีคนไหน เจ้าหน้าที่คนใดสั่งการ ก็คือ คนที่ทำผิดกฎหมาย และไม่สมควรเป็นรัฐมนตรีต่อไป ไม่สมควรเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป เพราะหากให้พวกเขาเป็นต่อไป เราจะแยกไม่ออกว่าใครเป็น “โจร” ใครเป็น “รัฐมนตรี” ใครเป็น “เจ้าหน้าที่” ร่วมมือกันหยุด “โจร” ใช้อำนาจรัฐและงบประมาณแผ่นดินในการคุกคามประชาชน
.
- Advertisement -