พรรคกล้า-กทม. ผลักดัน”Water Bank บ่อหน่วงน้ำใต้ดินอัจฉริยะ” เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยระบุว่า กทม. เป็นพื้นที่ลุ่ม พอเกิดฝนตกหนักทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง จากข้อมูลของสำนักการระบาย พบว่าในทุก 2 ปี เมื่อฝนตก 5 นาทีแรก ค่าความเข้มข้นของฝนอยู่ที่ 135.5 ม.ม./ชม. ซึ่งเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กรุงเทพมหานครสามารถรองรับได้ที่ 65 ม.ม./ชม. ทำให้เวลาฝนตกหนัก จะเกิดน้ำท่วมขึ้น เพราะน้ำไหลลงสู่ท่อระบายน้ำและไหลลงสู่คลองไม่ทัน
.
พรรคกล้ามีแนวคิดที่จะทำการเพิ่มระบบ[แก้มลิง] ในพื้นที่ที่ยังสามารถจัดหาแหล่งเก็บน้ำได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งยังเป็นวิธีการลงทุนที่เกิดประโยชน์หลายอย่าง นอกจากเป็นพื้นที่รับน้ำขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นสวนสาธารณะ แหล่งพื้นที่สีเขียวที่สำคัญ
.
แต่ในเมืองหรือในบางพื้นที่ที่ไม่สามารถทำแก้มลิงได้ และเป็นพื้นที่ที่เป็นจุดน้ำท่วมซ้ำซาก จะต้องจัดทำ [water bank อัจฉริยะ บ่อหน่วงน้ำใต้ดินอัจฉริยะ] เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำในช่วงที่ฝนตกหนัก ซึ่งจะทำให้ไม่มีน้ำท่วมและน้ำขังเกิดขึ้นอีก หลังจากฝนหยุดตกแล้วก็สูบน้ำจาก water bank กลับคืนสู่ท่อระบายน้ำหรือลงไปสู่คลองต่อไป เพื่อรอกักเก็บน้ำฝนที่จะเกิดขึ้น
.
ระบบ Water Bank สามารถสร้างใต้อาคารสถานที่ราชการ หรือที่ของเอกชนได้ สามารถสร้างใต้สวนสาธารณะได้ สามารถสร้างได้ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดเล็กแล้วแต่ความจำเป็น และความเป็นอัจฉริยะ คือ การบริหารจัดการด้วยระบบ AI ที่จะรับน้ำและทยอยคืนน้ำลงสู่ท่อระบายน้ำและคลองได้อย่างสัมพันธ์กันทั้งระบบ ลองคิดดูครับว่าถ้าในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทั้งหมดมี Water Bank กระจายอยู่ทั้ว ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากก็จะหมดไปครับ เรียกได้เต็มปากว่า “หมดเวลาน้ำรอระบาย”
.
นอกจากนั้นในพื้นที่จำกัด หากไม่สามารถหาพื้นที่ทำ Water Bank ได้ ก็สามารถใช้พื้นที่ใต้ถนน ด้วย นวัตกรรม [ถนนรูพรุน] โดยถนนแห่งนี้ใช้ยางมะตอยแบบรูพรุนที่เรียกว่า Porous Asphalt Pavement ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำไหลผ่านชั้นถนนลงสู่ใต้พื้นที่เป็น water bank หรือ ท่อระบายน้ำที่จัดเตรียมไว้ ทำให้ไม่เกิดน้ำท่วมขังรอระบาย เป็นการแก้ไขปัญหาแบบครบวงจรและเบ็ดเสร็จ จบครับจบ แยกย้าย
.
อย่างไรก็ดี การจัดทำ Water Bank มีข้อจำกัด คือ ใช้งบประมาณสูง ดังนั้น จึงต้องเลือกทำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีการอื่นได้ครับ การลงทุนจึงจะคุ้มค่า
.
