เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าอย่าให้โอกาสในการเปลี่ยนแปลงประเทศต้องเป็นหมัน ไล่ระบอบประยุทธออกไป เลือกเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
การเลือกตั้งในวันที่ 14 พค 66 มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมไทย เพราะเป็นการเลือกตั้งที่จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอำนาจในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน โดยยังคงมีกลไก รธน.ที่กำหนดให้ สว 250 คน มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อันเป็นแต้มต่อที่สำคัญในการสืบทอดอำนาจต่อเนื่องของระบอบประยุทธ์
นั่นหมายความว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมสามารถจับมือรวมกันแค่ 126 เสียง ก็สามารถชนะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้แล้วและประเทศไทยก็จะมีนายกรัฐมนตรีในแบบเดิมที่ทำให้พี่น้องประชาชนต้องทนทุกข์ทรมาน มานานถึง 8-9 ปี
แต่หากจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง จะตั้งรัฐบาลได้จริง จำเป็นต้องใช้คะแนนเสียงของ ส.ส. ให้ได้มากเกิน 250 คน และจะมั่นใจมากกว่าหากได้ ส.ส. มากถึง 300 คน ซึ่งพรรคการเมือง ที่มีโอกาสจะทำให้เป็นรูปธรรมได้จริงๆ คือ “พรรคเพื่อไทย”
แม้ว่าในช่วงหลังหลายโพลจากหลายสำนักระบุว่าบางพรรคมาแรงแซงพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่หากดูจากข้อมูลในพื้นที่ซึ่งเป็นคะแนนจริงๆ ไม่ใช่คะแนนในอากาศ ซึ่งเราติดตามอย่างใกล้ชิด ยังบ่งชี้ว่า พรรคเพื่อไทยยังคงได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง
ทำไมถึงมั่นใจอย่างนั้น เพราะจริงอยู่กระแสอาจมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกของพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเขตเมืองใหญ่ แต่ในจำนวนเขตเลือกตั้ง 400 เขตนั้น 300 กว่าเขตเป็นพื้นที่ อบต. เทศบาลตำบล กระแสไม่มีผลมากเท่ากับความผูกพันและการช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่าง ส.ส. กับ ประชาชนในพื้นที่นั้นๆ
ดังนั้น จำนวน สส เขตพื้นที่ จึงเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลง และ ต่อการจัดตั้งรัฐบาล
ในพื้นที่ที่มีการแข่งขันซึ่งจะทำให้เกิดการตัดคะแนนกันเอง ปล่อยให้ตาอยู่อย่างลุงและเครือข่ายชนะไปย่อมไม่เกิดผลดี