วันที่ 20 มิ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “คุยแหลกแดกดึก” กับ มดดำ คชาภา ตันเจริญ โดยเล่าถึงชีวิตในต่างประเทศว่าทุกวันนี้พยายามไม่ยึดติดแม้ว่าที่ผ่านมาจะต้องใช้ชีวิตที่ห่างจากลูกชาย “น้องไปป์” ศุภเสกข์ อมรฉัตร พร้อมยังขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ยังให้ความรักและยังไม่ลืมเพราะถือเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจในการใช้ชีวิตในต่างแดนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ในการเข้ามาดูแลประเทศ
เมื่อถามว่าหากตนเองยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่คิดว่าโครงการไหนจะดำเนินการให้สำเร็จ น.ส.ยิงลักษณ์ กล่าวว่า คิดว่าคงเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์จังหวัดเพื่อดึงศักยภาพและจุดเด่นของแต่ละจังหวัดมานำเสนอและตอบโจทย์ในระดับประเทศ รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงและนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ หวังว่ารัฐบาลใหม่จะมาสานต่อนโยบายดีๆในการพัฒนาประเทศ วันนี้ตัวเองก็พยายามหาความรู้และศึกษาเทคโนโลยีต่างๆ ในปัจจุบันเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีของโลกและรู้ถึงวิวัฒนาการในต่างประเทศเพื่อเรียนรู้ ต่อยอดและยังใช้เวลาในการออกกำลังกายเพื่อให้มีความสุขในการใช้ชีวิต
“วันนี้พยายามไม่เศร้า พยายามไม่ทุกข์ แต่จริงๆแล้วก็ต้องยอมรับว่าชีวิตไม่มีความสุขหรือความทุกข์อยู่กับเราตลอดไป แต่ที่เห็นหัวเราะมีความสุข เพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง เพราะไม่งั้นมันจะเป็นความทุกข์ แต่มุมหนึ่งของชีวิตมันก็มีความคิดถึงบ้าน” น.ส.ยิงลักษณ์ กล่าวบางช่วง
เมื่อถามว่าวันนี้อยากกลับบ้านหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า อยากกลับบ้าน เพราะถือเป็นบ้านเกิด แต่ยังไม่รู้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตาที่ลิขิตว่าจะกำหนดให้ได้กลับบ้านหรือไม่ แต่วันนี้ต้องอยู่ให้ได้ ต้องปล่อยวางและรอจังหวะเวลาในอนาคต
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันที่เยาวชนหันมาสนใจการเมือง และคลิปที่เป็นที่สนใจคือคลิปที่อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ กล่าวแถลงในช่วงที่สถานการณ์การเมืองในอดีตที่รุนแรงผ่านวลี “ถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว” ว่าวันนั้นเป็นวันที่พยายามทำทุกอย่าง อะไรที่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง พยายามปลดล็อคในสิ่งที่รัฐบาลในขณะนั้นทำได้ แต่ก็ยังมีการออกมาขับไล่อย่างรุนแรง ซึ่งในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกันก็ไม่อยากเห็นภาพความขัดแย้ง ซึ่งในสถานการณ์ขณะนั้นตนเองพยายามเข้มแข็งเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ในการประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น
“เราหวังว่าเรายุบสภาแล้วทุกอย่าง ที่เป็นความขัดแย้งก็จะเข้าสู่วิถีทางของประชาธิปไตยในสภาฯ แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่มุ่งหวังจนนำไปสู่การรัฐประหาร”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวและว่า ที่ผ่านมาไม่เคยพบกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้จะมีกระแสข่าวดีลลับ ยืนยันตัวเองมีความชัดเจนว่ารับไม่ได้ในเรื่องของรัฐประหาร ส่วนที่พรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่ 2 ตนในฐานะผู้ชมก็ต้องยอมรับและดีใจที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นครรลองในระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้(21 มิ.ย.) จะเป็นวันเกิดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อายุครบ 56 ปีด้วย