เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายวิชาญ อาฮูยา อดีตกรรมการสื่อสารพรรคกล้า และผู้ก่อตั้งเพจ Abhisit Vejjajiva กล่าวถึงศึกเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ต้องยอมรับว่าโพลของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ นำโด่งมากตลอดในช่วงตลอดเกือบ 1 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งทิ้งที่ 2 แทบไม่เห็นฝุ่น แต่ยังมีเวลาอีก 2 เดือน ผลโพลก็อาจจะไม่แม่นยำอย่างที่คิด ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผลโพลหลายๆ ครั้งก็ไม่ได้แม่นยำเสมอไป เมื่อถึงวันเลือกตั้งก็ไม่ได้พูดถึงแค่ในประเทศไทยแต่ต่างประเทศก็เช่นกัน เพราะตอนจบในหลายที่กระแสโซเชียลมีเดียในโค้งสุดท้ายมีส่วนสำคัญในการช่วยพลิกเกมตลอด
.
นายวิชาญ กล่าวว่า ย้อนไปตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อปี 2556 พล.ต.ต.พงศพัศ พงษ์เจริญ ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) ขณะนั้น ถือว่าทุกโพลในช่วงนั้นนำม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่ด้วยกระแสโซเชียลมีเดียช่วงโค้งสุดท้าย กับ “ไม่เลือกเราเขามาแน่” และบวกกับ,uกระแสว่า มีหนึ่งในผู้นำม็อบเสื้อแดงจะมาเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ทำให้คะแนนทุกอย่างมาพลิกช่วงโค้งสุดท้าย จนคะแนนสูสีเป็นอย่างมากทะลุหนึ่งล้านทั้ง 2 ท่าน แต่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชนะไปอย่างสุดมัน
.
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ในศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 ก่อน 3 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง หลายสำนักก็ยังมองว่าพรรค ปชป. จะได้ 20 ที่นั่งในกทม.แบบสบายๆ โดยจะเป็นพรรค พท. 10-11 ที่นั่ง แต่ด้วยกระแสโซเชียลมีเดียช่วงโค้งสุดท้ายทุกอย่างพลิกไปหมด พรรคอนาคตใหม่ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผงาด ส่วนพรรค ปชป. สูญพันธุ์ในกทม.ด้วยกระแส “รักสงบจบที่ลุง” และคลิปฟังชัดๆ ของอดีตนายกฯอภิสิทธิ์ จึงเป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกมเปลี่ยนทั้งกระดาน
.
นายวิชาญ กล่าวอีกว่า ส่วนเลือกตั้งในต่างประเทศ เมื่อปีค.ศ 2016 ศึกชิงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่าง “ฮิลลารี คลินตัน” กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ทุกโพลแทบจะฟันธงว่า “ฮิลลารี” ชนะการเลือกตั้ง แต่ทั่วโลกก็ต้องตะลึงในกลยุทธ์โซเชียลมีเดียมีเดียของ “ทรัมป์” พาชนะเลือกตั้งไปแบบช็อคคนทั้งโลก หรือแม้แต่ “จัสติน ทรูโด” ถูกยกให้เป็นเต็ง 3 จากโพล เมื่อต.ค. 2015 4 เดือน ก่อนการเลือกตั้งก็สามารถพลิกกลับมาชนะด้วยแม้พรรค Liberal ของเขาจะกระแสไม่ดีในช่วงแรก แต่การโฟกัสเจาะกลุ่มชนชั้นกลางอย่างแม่นยำทำให้พลิกแซงทั้งพรรค เอ็นดีพี (NDP) และพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative)
.
นายวิชาญ กล่าวด้วยว่า ที่ยกตัวอย่างมานั้นแสดงให้เห็นว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผลโพลไม่ได้แม่นยำเสมอไป รวมถึงศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่จะมาถึง แม้นายชัชชาติ จะนำโด่งในทุกสำนัก แต่เวลา 2 เดือนกว่าอะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ และเชื่อว่าการแข่งขันยังเปิดกว้าง ยิ่งล่าสุดพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส่ง น.ต.ศิธา ทิวารี มาลงสมัครแข่งผู้ว่าฯกทม. และยังมีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคก้าวไกล ซึ่งก็มีฐานเสียงจำนวนไม่น้อยที่พร้อมเทคะแนนให้กับ 2 พรรคนี้ ผลโพลล่าสุดจนถึงวันเลือกตั้งการแข่งขันจะสูสีกันมาก และไม่น่าใช่ที่นายชัชชาติ จะนำโด่งแบบม้วนเดียวจบ เพราะผู้สมัครท่านอื่นๆ ทั้งพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นางรสนา โตสิตระกูล รวมไปถึงนายสกลธี ภัททิยกุล ซึ่งเป็นถึงรองผู้ว่าฯกทม.มาแล้ว
.
“แต่ละคนล้วนเป็นคนมีของ เรื่องที่นายชัชชาติ จะนำแบบม้วนเดียวจบ ตามที่โพลเสนอมาตลอดเป็นไปได้ยาก การเลือกตั้งครั้งนี้กระแสโซเชียลมีเดีย และการเสนอการแก้ปัญหาต่างๆ ให้คนกรุงจะเป็นตัวตัดสิน หมดยุคการตีกินและสร้างภาพแล้ว เพราะประชาชนยุคโซเชียลมีเดียในศึกเลือกตั้งกทม. คงไม่ยอมให้หลอกอีกต่อไป ครั้งหน้าจะมาคุยเรื่องเลือกตั้ง สมาชิกสภากทม.กันครับ”นายวิชาญ กล่าว
.
