วันนี้(28 กันยายน 2565) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานภาคกรุงเทพฯ และนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค เปิดศูนย์ประสานงานพรรค เขตยานนาวา บางคอแหลม ซึ่งมีนายพงศพัศ กตคุณวิสิทธิ์ เป็นผู้ประสานงานพรรคในพื้นที่
.
นายสุรนันทน์ ได้กล่าวว่า ศูนย์ประสานงานพรรค ไม่ใช่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ศูนย์ฯ จะต้องทำงานต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะเราตั้งใจเปิดศูนย์ฯ ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ พรรคสร้างอนาคตไทยได้มีชุดความคิดใหม่ๆ เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำทางการเมืองและสังคม และระหว่างพบปะประชาชน ก็ได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ที่นับวันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
.
รวมไปถึงปัญหาชุมชนที่อยู่อาศัยที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พรรคฯ จะนำปัญหาต่างๆ เหล่านี้ เข้าที่ประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาหาทางแก้ไขต่อไป โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด เรายืนยันว่า จะต่อต้านยาเสพติดทุกประเภท และจะร่วมกันขจัดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทยทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
นายสุรนันทน์ ยังได้เรียกร้องไปยัง กกต. อีกด้วยว่า ถึงแม้จะออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ มามากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือควรรีบแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้งทั้ง 400 เขตให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ผู้ที่ลงสมัครหน้าใหม่ก็จะเสียเปรียบเจ้าของพื้นที่เดิม เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้ว่าพื้นที่ของตัวเองมีขอบเขตแค่ไหน เพราะฉะนั้น กกต. จะต้องเร่งในเรื่องนี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้มีโอกาสในการแนะนำตัวให้ประชาชนรู้จักอย่างเท่าเทียมกัน
.
ด้านนายสันติ กล่าวว่า พรรคสร้างอนาคตไทย มีแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในขณะนี้ โดยมองว่าถึงแม้ไม่มีโควิด ความล้มเหลวของภาคเศรษฐกิจก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลมีวิธีการบริหารงานที่ผิดพลาดมาโดยตลอด เราจึงไม่สามารถให้คนเก่าๆ ความคิดเก่าๆ บริหารประเทศต่อไปได้ พรรคสร้างอนาคตไทย จึงขอนำเสนอชุดความคิดใหม่ นโยบายใหม่ ซึ่งสามารถทำได้จริง และจะร่วมกันแก้วิกฤติปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
.
นายสันติ ยังย้ำถึง กองทุนสร้างอนาคตไทย 3 แสนล้านบาท อีกด้วยว่า ไม่ได้เกิดจากการกู้เงิน แต่จะเป็นการจัดสรรงบประมาณใหม่ โดยนำเงิน 1 แสนล้านบาท ไปใช้แก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน พักชำระหนี้แบบพักดอกเบี้ยและเงินต้น 5 ปี อีก 2 แสนล้านบาท นำไปเสริมทักษะ เติมทุนใหม่ เพิ่มช่องทางในการทำมาหากินให้กับพี่น้องประชาชนได้ต่อไป
.