เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2567 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงฉากทัศน์ทางการเมือง หากมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล กับทิศทางต่อไปของ 148 สส.พรรคก้าวไกล ว่า ยังคงอยู่ในกระบวนการเตรียมรับมือ แต่ขณะนี้ขอโฟกัสกับการทำหน้าที่ในการต่อสู้คดี เพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรค
การยุบพรรคไม่ได้ช่วยให้การเมืองดีขึ้น ทำให้การเมืองล้าหลัง วังวนอยู่แบบเดิม เรื่องนี้ไม่เพียงการยุบพรรคเท่านั้น แต่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคก้าวไกลในการชี้แจง ซึ่งในกระบวนการของ กกต. ไม่มีการเรียกเข้าไปให้ข้อมูลชี้แจง หรือให้สิทธิ์ในการโต้แย้ง
“คุณต้องฟังพรรคก้าวไกล เรามีเหตุผลเรามีหลักฐาน มีข้อโต้แย้งอะไรบ้าง ถ้าคุณไม่ให้กระบวนการแบบนี้กับเราเลย สุดท้ายสังคมไทยจะอยู่กันได้ยังไง ถึงที่สุดจะถูกการตั้งคำถามว่าทำไมพรรคก้าวไกลโดนแบบนี้ พรรคภูมิใจไทยเป็นแบบนี้ ทำไมถึงต่างกัน คนจะรู้สึกว่าพรรคก้าวไกลถูกปองร้าย โดยที่อาจจะมีธงทางการเมือง ซึ่งจริงหรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่ว่าถึงที่สุดถ้าสังคมขาดความเชื่อมั่นในระบบการเมือง จะทำให้ระบบการเมืองไปต่อไม่ได้”
นายรังสิมันต์กล่าวถึงการทำงานของพรรคฝ่ายค้านว่า หากกรณีพรรคก้าวไกลถูกยุบ แล้วการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านต่อไปจะเป็นอย่างไร ซึ่งสังคมโลกอาจจะมองว่า สุดท้ายนี้คือกระบวนการทำลายฝ่ายค้านหรือไม่ จึงหวังให้มองถึงจุดนี้ว่ามีผลดีผลเสียทั้งหมดอย่างไร
“เชื่อว่ามีความพยายามในการยุบพรรคก้าวไกล โดยยืนยันการเสนอแก้กฎหมาย มาตรา 112 เป็นนโยบายที่ได้ทำตามกระบวนการให้ยื่นต่อ กกต. ซึ่งหากมีกฎหมายห้ามกระทำการไว้ พรรคก้าวไกลก็จะไม่ดำเนินการ”
