สุริยพงศ์ ทับทิมแท้ ผู้บริหารองค์กรเอกชน แชร์ข้อคิด เกี่ยวกับเรื่องความซื่อสัตย์
ลูกชายของผู้เขียนอายุย่างเข้า 6 ปีและอยู่ในโรงเรียนระดับชั้นอนุบาล 3 ซึ่ง ลูกชายมักจะมีความฝันตามประสาเด็กที่ฟังแล้วก็น่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่ อย่าง เช่นล่าสุดเมื่อขับรถผ่านศาลเจ้าแห่งหนึ่งเราก็จะยกมือไหว้ ลูกชายก็บอกว่าอยาก อธิษฐานบ้าง ก็เลยถามว่าอยากอธิษฐานว่าอะไร เจ้าตัวก็ตอบว่าอยากเรียนเก่งๆ ก็เลยต้องสอนกันว่าก็ต้องตั้งใจเรียน อธิษฐานอย่างเดียวแล้วไม่ตั้งใจเรียนจะเรียน เก่งได้อย่างไร และล่าสุดคุณครูประจำชั้นก็ถามเด็กๆในห้องว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีใครอ่านหนังสือบ้าง ปรากฎว่าเด็กทุกคนลุกขึ้นยืนหมดยกเว้นลูกชาย จากเรื่อง ทั้งสองเรื่องก็ทำให้เห็นได้ว่าสิ่งที่ลูกชายมีในขณะนี้คือ “ความซื่อสัตย์” โดยเฉพาะ อย่างยิ่งซื่อสัตย์ต่อตนเองที่ยอมรับว่าตนเองเรียนไม่เก่งและไม่อ่านหนังสือ
ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ได้เคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่ถูกต้องคือถูก ต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดคือผิด แม้ทุกคนทำสิ่งนั้น” ทำให้นึกถึงคำว่า ความซื่อสัตย์หรือ Integrity ที่ในปัจจุบันคนในสังคมไม่ได้ใช้คำนี้ในการทำงาน และการดำเนินชีวิตเหมือนแต่ก่อนอาจเป็นเพราะเหตุจำเป็นตามสถานการณ์หรือ อาจเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวแก่ประโยชน์ที่ได้รับเฉพาะหน้าเท่านั้น
ผู้บริหารที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานเพราะต้องมีทั้งความรับผิดชอบ Responsibility และภาระรับผิดชอบ Accountability ต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งระดับ บุคคล องค์กร สังคมและสิ่งแวดล้อม และความซื่อสัตย์เป็นคำที่ไม่มีวันล้าสมัย เหมือนเพลงที่กล่าวว่า “ความซื่อสัตย์เป็นสมบัติของคนดี หากว่าใครไม่มีชาตินี้ เอาดีไม่ได้ มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดถมไป คดโกงแล้วใครจะรับให้ร่วมการงาน