เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2566 ที่สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการลงพื้นที่ต่อต้านกัญชาเสรีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ไปไกลถึงพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทย ตรงนี้หวั่นจะกระทบพรรคหรือไม่ โดยนายอนุทินย้อนถามว่าหวั่นอะไร นายชูวิทย์เขาก็พูดว่าต้องทำผิดกฎหมาย ยังไงก็ไม่มีการพูดว่าไม่เอากัญชา 100% พูดแต่ว่ากัญชาทางการแพทย์ได้ ฉะนั้นวันนี้นายชูวิทย์ เลยพูดในลักษณะที่ว่า ไปไหนมา 3 วา 2 ศอก คนที่ทำผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ต้องไปไล่จับ มันต้องทำตามกฎตามระเบียบที่วางไว้ คนที่จะใช้ทางการแพทย์ต้องได้รับอนุญาตและน้ำมันกัญชาก็เป็นยาหลักขึ้นอยู่ในบัญชียาแห่งชาติ ถ้าเป็นสิ่งไม่ดีจะเป็นยาได้หรือไม่ เราทำในเรื่องของสุขภาพ เศรษฐกิจ ไม่มีอันไหนอนุญาตให้ทำผิดกฎหมายหรือปล่อยเสรี หากยกเลิก กัญชาผู้ป่วยที่เขาใช้กัญชารักษาโรคก็จะได้รับผลกระทบ เขาจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า การออกมาโจมตีนโยบายกัญชาของนายชูวิทย์ ถือเป็นการดิสเครดิตพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้แม้นายชูวิทย์ ไม่โจมตี พรรคการเมืองอื่นก็โจมตีอยู่ดี เช่นในเวทีดีเบตต่างๆแม้ลงไปใน จ.บุรีรัมย์ ก็พูดถึง และไล่พรรคภูมิใจไทยออกจาก บุรีรัมย์ ซึ่งไม่รู้ว่าพรรคภูมิใจไทยหมูไปหรือเปล่าแต่เราไม่เคยโจมตีใครคนอื่นจะพูดอะไรถ้าได้ประโยชน์พรรคภูมิใจไทยก็ยินดีได้
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีกระบวนการพยายามสกัดกั้นการเจริญเติบโตของพรรคภูมิใจไทยนายอนุทิน กล่าวว่าไม่ทันแล้ว ช้าไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงว่าเราเจริญเติบโตจนกว่าที่จะสกัดกั้นได้แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “จะเจริญเติบโตกว่านี้หรือไม่ ก็ทำดีที่สุด”
เมื่อถามว่า เห็นชาวบ้านลงไปไล่นายชูวิทย์ในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างลงพื้นที่ด้วย เป็นแฟนคลับของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เห็นในภาพ น่าจะเป็นคนที่เห็นคุณค่าของการใช้กัญชา
เมื่อถามถึง การหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีความมั่นใจ และมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการผลักดันนโยบายมารับใช้บ้านเมือง จึงคิดว่าไม่ต้องมีไม้เด็ดอะไร ขอแค่ทำอย่างสม่ำเสมอ และมีความจริงใจต่อภารกิจที่เราได้รับมอบหมายจากประชาชน ไม่ใช่มาขอคะแนนแล้ว 4 ปีหายไป ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงเป็น ส.ส.ได้เพียงครั้งเดียว และจะไม่มีวันได้เกิดในทางการเมืองอีกเลย
เมื่อถามว่า หลายพรรคการเมืองมีนโยบายจูงใจในเรื่องของการแจกเงิน นายอนุทินกล่าวว่า แต่ละพรรคใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบในนโยบายของตัวเอง ถ้าพูดไปแล้วถึงเวลาจริงทำไม่ได้ประชาชนก็จะไม่เชื่อถืออีกต่อไป ทำการเมืองจะทำครั้งเดียวไม่ได้สภาหลังเลือกตั้งเข้ามาจะอยู่นานหรือไม่นานก็ไม่รู้ ไปพูดอะไรแล้วทำไม่ได้ ความเชื่อถือของประชาชนก็จะลดน้อยลงไป เราเห็นตัวอย่างมามากมายแล้ว แต่พรรคภูมิใจไทยจะไม่ไปก้าวล่วงหรือพูดถึงพรรคอื่นว่า นโยบายทำไม่ได้ ทั้งนี้ คนที่เป็นระดับหัวหน้าพรรค เสนอตัวเป็นผู้แทน เป็นผู้นำของประเทศ คำพูดจะต้องมีน้ำหนัก จะต้องทำให้ได้ไม่ใช่พูดไปเรื่อยๆเพื่อหวังคะแนน พรรคภูมิใจไทยไม่ทำแน่นอน