เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดถึง กรณีที่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ออกมาให้ความเห็นสนับสนุน นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยระบุว่า ขอบคุณเจ้าสัวธนินท์ ที่ออกมาสนับสนุนนโยบายนี้
แต่ในส่วนของคนที่เห็นต่างก็พร้อมรับฟัง ตอนนี้ประเทศกำลังต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายลดภาระค่าครองชีพ ให้กับประชาชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวไปแล้วแต่ 9 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 1.8% จึงต้องการ วิธีใหม่ๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนที่มีคนออกมา แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจของประเทศ ยังไม่วิกฤตและยังไม่จำเป็นต้องกู้เงิน นายกฯ ระบุว่า ส่วนตัวเชื่อว่าวิกฤต ส่วนใครมองว่าถ้าวิกฤตจีดีพี ต้องติดลบ มองแบบนั้นก็ไม่วิกฤต แต่ต้องดูว่าในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจประเทศขยายตัวเพียง 1.8% ต้องไป เปรียบเทียบประเทศคู่แข่งเศรษฐกิจขยายตัวเท่าไหร่
ดูว่าดัชนีความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างไรบ้าง ค่าแรงขึ้นไม่ได้ เพราะธุรกิจรายได้ไม่ได้ขยายตัว นโยบายจะสำเร็จได้ต้องใช้เวลา ซึ่งหากมีความเห็นต่างก็พร้อมรับฟัง
นายเศรษฐา ยังได้กล่าวถึงประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นระหว่างพบปะคนไทยในอเมริกาว่า เป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะสร้างอนาคตให้คนไทย แต่ลูกชายของตัวเอง ไม่ยอมกลับประเทศ และแนะนำนักศึกษาไทยคนหนึ่ง โดยใช้คำแรงว่า เคยแนะนำให้ลูกของตัวเอง “ไปเป็นขี้ข้าก่อน” แล้วค่อยกลับมาทำงาน
โดย นายกฯ ได้กล่าวขอโทษ ที่ใช้คำพูดไม่สุภาพ เพราะตัวเองเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาแต่เจตนาต้องการที่จะให้เห็นภาพว่า การที่ไปทำงาน ไปเป็นลูกจ้างก็มีความลำบาก ต้องอดทน อยากจะแนะนำให้เด็กรุ่นใหม่ไปทำงานก่อน 2-3 ปี ซึ่งก็แล้วแต่คน ไปสร้าง คอนเน็คชั่น แล้วค่อยกลับมาทำงาน เป็นคำแนะนำส่วนตัว ที่ใช้พูดกับลูก ซึ่งทุกคนเห็นต่างได้
