จากกรณีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำอดีตส.ส.กทม. สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ถอดคำพูดที่สำคัญถึงการตัดสินใจ พร้อมอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองในการกลับมาเดินในเส้นทางการเมืองอีกครั้งภายใต้ชายคาพรรคภูมิใจไทย
.
“ผมรู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่มีโอกาสได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย แน่นอนหลายคนถามว่าการมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทยครังนี้มาคนเดียวหรือเปล่า วันนี้ได้ชวนน้องๆ มาด้วย น้องๆ ทีมนี้ทำงานร่วมกับพวกเรามาสักพักหนึ่งแล้ว ทั้งช่วยคิด ช่วยมองในทุกมิติสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนกรุงเทพฯ น้องๆ เหล่านี้เติบโตมาในกรุงเทพมหานคร แล้วมีโอกาสได้ไปศึกษาทั้งในประเทศและหลายๆ ประเทศทั่วโลก เรามีกันประมาณ 60-70 ชีวิต เราค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆ เชื่อว่าภูมิใจไทยมีอะไรอีกเยอะในการทำงานร่วมกัน เราทำ workshop ในการพูดคุย ทำนโยบายคิดกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และเคยมีโอกาสได้เชิญท่านหัวหน้าพรรค ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบกระทรวงสาธารณสุข ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนและพูดคุยกับน้องๆ เกี่ยวกับนโยบายสาธารณสุขของประเทศไทยของเรา”
.
“มาครั้งนี้ผมไม่ได้มาคนเดียว มากับทีมกรุงเทพฯ จริงๆ ผมได้น้องๆมาเท่านี้ก็คงไม่พอ หลักๆจริงๆแล้วต้องขอขอบคุณส.ส กทม. ทั้ง 8 ท่าน และอีกหลายๆท่าน วันนี้ถือว่าทุกคนคือกำลังหลักของพรรคภูมิใจไทย”
.
“หลายๆ คนถามว่าภูมิใจไทยไม่มีส.ส.ในกรุงเทพฯเลยแล้วพวกเราตั้งเป้าหรือคิดยังไง ถ้าไปย้อนดู 3 ปีที่ผ่านมาภูมิใจไทยไม่มีส.ส.กรุงเทพฯ แต่ผลงานที่ผ่านมาที่รัฐบาลโดยเฉพาะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในส่วนของพรรคภูมิใจไทยในแต่ละกระทรวง ได้ทำประโยชน์และสร้างโครงการต่างๆไว้ ทั้งๆที่ยังไม่มีส.ส.ในกรุงเทพฯแม้แต่คนเดียว ดังนั้นผมเชื่อว่าผลงานที่ทำไว้ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาแม้ไม่มีส.ส.หรือผู้แทนของคนกรุงเทพฯเลยยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าเราเสนอคนดี คนเก่ง คนคุณภาพเข้ามาเป็นจุดกลางที่จะเชื่อมปัญหาของคนกรุงเทพฯ ให้มาถึงพรรคภูมิใจไทย แล้วเราก็จะนำนโยบายนั้นมาทำให้เกิดขึ้นจริง ลองคิดดูสิครับว่าหลังจากการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้อะไรจะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ นี่แค่เป็นน้ำจิ้ม เพิ่งเริ่มให้เห็นว่าทำไมพวกเราถึงเชื่อมั่นพรรคภูมิใจไทย”
.
“เราเชื่อตรงกันว่าคนกรุงเทพฯ มีปัญหามาก แต่สิ่งหนึ่งที่คนกรุงเทพฯ รอคอยมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทำไมปัญหาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาเล็กไม่ค่อยได้รับการแก้ไขตรงจุดและทันเวลาแม้แต่เรื่องเดียว เราไม่ต้องไปพูดว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของใคร ท้องถิ่นหรือรัฐบา ลแต่วันนี้ผมเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยให้โอกาสพวกเราที่จะนำปัญหาที่พวกเราส.ส.ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร เอามาให้หัวหน้า เลขาฯ และประธานที่ปรึกษาได้คิดเป็นนโยบายแล้วนำกลับไปให้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน”
.
“คำว่า พูดแล้วทำ ผมเชื่อว่าคำนี้มีความหมายสำหรับพวกผมมาก และพวกเราจะเอาคำนี้กลับลงไปในกรุงเทพมหานคร บอกว่าประชาชนจะต้องเลือกภูมิใจไทยเพราะพวกเราพูดแล้วทำ และวันนี้ไม่ได้มาแค่ให้หัวหน้าสวมแจ็คเก็ตให้พวกเรา สิ่งที่พวกเราเตรียมพร้อม และได้มีโอกาสได้พูดคุยกับหัวหน้า เลขาฯ และผู้บริหารพรรค คือเรามีนโยบายที่คิดว่าเป็นนโยบายที่สามารถนำไปสู่ปฏิบัติได้จริงและเราพูดอยู่เสมอตรงกับนโยบายของภูมิใจไทย คือนโยบายที่พวกเราคิดเป็นนโยบายบ้านๆ เป็นนโยบายที่เรียบง่าย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงและเป็นนโยบายที่เราต้องทำเรื่องง่ายๆ เรื่องบ้านๆ ให้กับประชาชนที่เป็นคนกรุงเทพ พี่น้องประชาชนและบ้านเมืองต้องการคนแก้ไข นโยบายเราอาจไม่ได้เป็นนโยบายที่เป็นเมกะโปรเจกต์ แต่เป็นนโยบายที่ประชาชนจับต้องได้ เมื่อเสนอไปแล้วทำได้จริงไม่เพ้อฝัน”
.
“พวกเราได้กลั่นกรองนโยบายบางส่วนมาให้เห็นว่าวันนี้กรุงเทพฯ ภูมิใจไทยทำอย่างไรพวกเราถึงบอกว่าเป็นภูมิใจกรุงเทพ ภูมิใจไทย เราเชื่อว่าไม่มีใครในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในเมืองหลวงหรือแม้กระทั่งประชาชนที่เดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯแล้วจะไม่ภูมิใจในกรุงเทพมหานคร ต่างประเทศฝรั่งต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวยังโหวตให้ประเทศเราเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของโลก ถามว่าพวกเราจะไม่ภูมิใจได้อย่างไร”
.
“เป็นนโยบายของหัวหน้าที่พูดเสมอว่าเราไม่แตกแยก ยังไงเราก็อยู่ในพรรคภูมิใจไทย นโยบายทุกอย่างเป็นนโยบายที่สอดคล้องกัน เพียงแต่ว่าที่เราต้องมีนโยบายของกรุงเทพฯ เพื่อให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยให้ความสำคัญกับกรุงเทพฯ เข้าใจปัญหาคนกรุงเทพฯ และจะแก้ปัญหาให้กับคนกรุงเทพฯ ทำให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ เราจึงมีสโลแกนของเราว่า ภูมิใจกรุงเทพฯ”
.
นายพุทธิพงษ์ อธิบายโลโก้ภูมิใจกรุงเทพที่เป็นหัวใจติดปีก ว่า “ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าหัวหน้าพรรคของเรามีจิตใจอาสาบินไปรับหัวใจต่างๆนานา ภายใต้โครงการหัวใจติดปีก จึงเป็นที่มาของโลโก้ภูมิใจกรุงเทพ ภาพหัวใจติดปีก ผมยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดไม่ได้คิดแยกส่วน คิดตั้งตัวออกมา หรือเราเข้ามาจะมาแยกส่วน แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของพรรคภูมิใจไทยแน่นอน”
.
“เรื่องอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองเรื่องนี้สำคัญที่สุดสำหรับผมและเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของผมด้วย อย่างที่พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายหลักอันดับหนึ่ง คือปกป้องและเทิดทูนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือเรื่องหนึ่งที่ผมต้องทำและผมมายืนตรงนี้เพราะเรื่องนี้อันดับหนึ่ง คงไม่ต้องถามที่ผ่านมา 20 กว่าปีที่ผมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและทำงานให้กับคนกรุงเทพฯมาโดยตลอด”
.
“ตลอดระยะเวลาที่ผมได้เป็นผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี 2545 จนถึงวันนี้เราผ่านอะไรมาเยอะ ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯ คิดเหมือนผมว่าเราผ่านอะไรกันมาเยอะ ทั้งวิกฤตและสถานการณ์ต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเรายืนยันตรงกันคือพวกเราจะทำให้ประเทศของเราพัฒนาไปได้ด้วยวิธีการที่เราเข้าใจปัญหา ทุ่มเท และทำงานจริงๆ ไม่ต้องมาคิดเรื่องของตำแหน่งหน้าที่ ผมเชื่อว่าทุกคนในที่นี้เอางานเป็นหลักจะเห็นว่าอุดมการณ์จุดยืนทางการเมืองของเราตรงกันและเป็นเนื้อเดียวกันน้องๆ เพื่อนๆส.ส. ที่ผมชวนมาทุกคนพูดถึงเรื่องนี้เป็นอันดับหนึ่ง เรายืนยัน วันนี้พวกเราถึงมายืนอยู่ที่นี่”
.
“พูดถึงนโยบายกรุงเทพฯ หลังจากที่เราผ่านวิกฤต โรคโควิด มาถึงทุกวันนี้ปัญหาของคนกรุงเทพฯ ทุกบ้านทุกจังหวัด ทุกครัวเรือนเหมือนกันหมด คือปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนเจอในเรื่องปัญหาปากท้อง เงินในกระเป๋าน้อยลง ธุรกิจที่เคยเติบโตก็มีปัญหา ไม่ต่างจากปัญหาของคนกรุงเทพฯข้างร้านค้าขายธุรกิจต่างๆมีปัญหาหมดวันนี้เราผ่านวิกฤตมาได้จากนี้ไปสถานการณ์บ้านเมืองเราจะเดินเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และสิ่งที่พวกเราคิดและพวกเราเชื่อมั่นในตัวหัวหน้าพรรของเราว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้หัวหน้าจะเป็นผู้นำประเทศที่สามารถนำพาประเทศไทยผ่านสถานการณ์ฟื้นฟูเศรษฐกิจในครั้งนี้ไปได้”
.
“พวกเรามีความมั่นใจและตั้งใจที่จะขอดูแลคนกรุงเทพฯในทุกวันทุกเวลาและทุกวัย ผมจึงคิดนโยบายที่มาเสนอว่าเราจะดูแลคนกรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยเราจะดูแลคนกรุงเทพฯทุกวันทุกชั่วโมง จึงเป็นที่มา ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7 โดยดูแลคนทุกวัย เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงานและวัยเกษียณ โดยเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายและให้โอกาส”
.
“สิ่งที่นำเสนอไป ผมเชื่อว่าทำได้ ทำแน่ และพวกเราจะทำให้คนกรุงเทพฯ ภูมิใจ นอกจากไม่ทำให้พรรคภูมิใจไทยผิดหวังในพวกเราแล้ว พวกเราจะทำให้คนกรุงเทพฯ ไม่ผิดหวังภูมิใจไทยเช่นกัน”
.
