หน้าแรกการเมือง'เพื่อไทย'จี้ถามรัฐถังแตกหรือเปล่า?!เร่งปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น สอดรับชิงปลดออกจากยูเซป

‘เพื่อไทย’จี้ถามรัฐถังแตกหรือเปล่า?!เร่งปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น สอดรับชิงปลดออกจากยูเซป

วันนี้(16 มี.ค.) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า จากการที่รัฐบาลเตรียมผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุข สอดรับการเตรียมประกาศให้โควิด19เป็นโรคประจำถิ่น ภายหลังนำการรักษาโควิด19 ออกจากยูเซป แล้วตั้งเกณฑ์ยูเซปพลัสขึ้นมาใหม่นั้น รัฐบาลมีการพิจารณาที่รัดกุมดีแล้ว หรือเป็นเพราะต้องเร่งดำเนินการเพราะถังแตก ไม่มีเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนแล้วกันแน่ เพราะยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันรวมการตรวจ ATK ยังเป็นอันดับต้นๆของโลก อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทบทุกวัน
.
นายชนินทร์ ระบุว่า อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากยังคงแสดงความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ BA.2 ที่มีความรวดเร็วสูง และก่อให้เกิดภาวะ Long Covid แต่หลังจากวันนี้ (16มี.ค.) ผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มสีเขียวจะเข้าถึงการรักษายากยิ่งไปกว่าเดิม และอาจเกิดเหตุโดนปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยสะดวก ทั้งที่การรักษาโรคโควิด19 ควรให้เข้าถึงการบริการทางสาธารณสุขให้เร็วที่สุด

.
นายชนินทร์ ระบุอีกว่า นอกจากนี้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังประกาศเตรียมให้จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดนำร่องในการประกาศใช้มาตรการโรคประจำถิ่น ผ่อนคลายการรับชาวต่างชาติจากชายแดนกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ (2565) ในขณะที่สถานการณ์การระบาดในจังหวัดยังทรงตัวในระดับค่อนข้างสูง ผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 300 คน/วัน  มีผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มในระดับต่ำ เพียงประมาณ 55% หรือต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ จนสร้างความกังวลให้กับคนในจังหวัดอย่างมาก
.
นายชนินทร์ ระบุว่า ยิ่งการผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนา และกิจกรรมทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น เกรงว่าคนสุรินทร์จะต้องรับกรรมจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลแทน จึงอยากให้ภาครัฐเร่งวางแผนให้รัดกุม และประชาสัมพันธ์ในเรื่องดังต่อไปนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น ได้แก่ 1. เกณฑ์การรับวัคซีนและคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศได้
.
2.มาตรการการตรวจคัดกรองและติดตามผู้เดินทาง เช่น ต้องตรวจ ATK ณ ด่านชายแดน ทั้งก่อนและหลังผ่านข้ามแดน และการให้เปิด GPS ติดตามผู้เดินทาง 3.เกณฑ์ในการวัดผลการระบาดที่เพิ่มขึ้น และมาตรการรองรับกรณีฉุกเฉิน 4.ความพร้อมของระบบสาธารณสุขในจังหวัด และการเตรียมประสานความร่วมมือจากจังหวัดข้างเคียง

.
“รัฐบาลชุดนี้มีผลงานเด่นชัดเรื่องความคิดไม่รอบคอบ และขาดการสื่อสารที่ชัดเจนกับประชาชน ผมในฐานะคนสุรินทร์เข้าใจดีว่า ประเทศไทยต้องไปต่อ เพื่อเปิดให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ แต่การดำเนินการใดๆต้องมีความรัดกุม และมีการสื่อสารกับประชาชนที่ชัดเจน หากยังคิดบริหารแบบขอไปทีอยู่อย่างนี้ ประชาชนคงอยากให้ไปๆสักทีเสียดีกว่า” นายชนินทร์ กล่าว

.
#ThePOINT #ข่าวการเมือง #ชนินทร์รุ่งธนเกียรติ #พรรคเพื่อไทย #โควิด19 #โรคประจำถิ่น

Must Read

Related News

- Advertisement -