วันนี้(21 ก.ย.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุถึงสถานการณ์การเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย. ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ก็จะต้องดูสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น ก่อนที่จะมองว่าพรรคจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อไป แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ
.
พรรคเพื่อไทยจะส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คือ นายชัยเกษม นิติศิริ ที่ยังคงเป็นผู้ที่ทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน แม้ในตามบัญชีจะมีอยู่ 3 รายชื่อ แต่ได้แยกออกไปทำงานการเมืองนอกพรรคแล้ว ดังนั้นบัญชีนายกฯของพรรคการเมืองฝ่ายค้านก็เหลืออยู่เพียงคนเดียว ขณะที่สถานะของรัฐบาลก็เป็นคณะรัฐมนตรี(ครม.) รักษาการ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็จะอยู่ในฐานะนายกฯรักษาการ แต่เพื่อไทยต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมืองด้วย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะยุบสภาได้ และพรรคเพื่อไทยก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง
.
ส่วนข้อสังเกตทางการเมืองว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อาจเป็นนายกฯคนนอกนั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า ขั้นตอนของสภาจะสามารถเลือกได้หรือไม่ หากจะเสนอรายชื่อนายกฯคนนอกจะต้องใช้เสียงของรัฐสภาเห็นชอบ 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาหรือ 488 คน ซึ่งจะมีปัญหาในการเลือกไม่ได้ เพราะต้องเลือกนายกฯในบัญชีก่อน และพรรคภูมิใจไทย ก็ยังมีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกันนายอนุทิน ก็มีโอกาสที่จะเป็นนายกฯ ด้วยเสียงที่ไม่น้อยกว่า 365 คน
.
“คาดการณ์ว่า ชื่อนายกฯในบัญชีที่มีอยู่จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และอาจจะต้องเลือกนายกฯนอกบัญชีพรรคการเมือง เพื่อแก้ปัญหาไม่เกิดเดดล็อกทางการเมืองในการบริหารประเทศ ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับนายกฯคนนอก”นพ.ชลน่าน กล่าว
.
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ท้ายที่สุดไม่ว่านายกฯจะเป็นใคร แม้นายกฯจะเป็นพล.อ.ประวิตร ขั้วการเมืองจะไม่มีเปลี่ยนแปลง และไม่มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ให้ไว้กับประชาชนและความรู้สึกกับประชาชน
.
นพ.ชลน่าน ระบุว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านเป็นห่วงมาตลอด หากผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง และยังสามารถเป็นนายกฯได้อีกไม่ว่าจะ 2 ปี หรือ 4 ปี คือ สถานการณ์ทางการเมืองที่สิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า การอยู่ยาวคือการผูกขาดอำนาจ เพราะพฤติกรรม 8 ปีที่ผ่านมาของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเช่นนั้น ยิ่งมีอำนาจมากก็ยิ่งเกิดปัญหาคอรัปชั่นมาก หากพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจน กังวลว่าจะเกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง
.
นอกจากนี้หากพล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ต่อแล้วประกาศว่าจะเป็นนายกฯต่ออีก 3 เดือนแล้วยุบสภา จะลดแรงต้านหรือการเกิดวิกฤตทางการเมืองได้ แต่หากอยู่ต่ออีก 2 ปีหรืออีก 4 ปี กระแสต่อต้านจะลุกลามมาก ซึ่งกระแสต่อต้านมีการแสดงออกหลายรูปแบบไม่เพียงแค่การชุมนุมลงถนนเท่านั้น
.
‘เพื่อไทย’ห่วงชี้ชะตา’บิ๊กตู่’ได้ไปต่อ จุดวิกฤต!!ขัดแย้งการเมือง กระแสต้านลุกลามไม่แค่ม็อบลงถนน ค้านสุดลิ่มนายกฯคนนอก
- Advertisement -