เมื่อวันที่ 15 ก.ค.66 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 2/2566 ของพรรคเสรีรวมไทย ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปในเมื่อยังไม่เห็นผล มีโอกาสที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะแยกจากกันหรือไม่ ว่า พรรคร่วมรัฐบาลรวมตัวกันได้ทั้งหมด 312 เสียง โดยพรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุดคือพรรคก้าวไกล จึงได้มีมติร่วมกันให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ของ 8 พรรคการเมืองจะต้องช่วยกันสนับสนุนให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้
“โหวตครั้งที่แล้ว ส.ว.ลงคะแนนเพียง 13 คน ยังขาดอยู่ 52 คน ส.ว.คนที่เคยรับปากว่า จะลงคะแนนให้ก็งดออกเสียงอีก สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา แต่ในเวลานี้ก็มีการเจรจาเพิ่มเติม แต่ผมก็หนักใจแทน ถ้าต้องโหวตอีก คุณพิธาจะสู้ต่อไปหรือไม่ หากมีโอกาส ทั้ง 8 พรรคการเมืองก็คงจะโหวตให้ แต่ถ้าไม่มีโอกาสก็คงต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อว่า ถ้า ส.ส.ฝั่งตรงข้าม หรือ ส.ว.ยังติดเงื่อนไขว่า ไม่เอาพรรคก้าวไกลมาร่วมด้วย ก็จะไม่ผ่านเหมือนเดิม ก็เป็นเรื่องของเพื่อไทยและก้าวไกลต้องตกลงกันเองว่า จะเอาอย่างไร เรามีความคิด แต่ไม่สามารถจัดการอะไรได้
“ในที่สุดเพื่อให้มีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้ ก้าวไกลคงต้องเสียสละออกไปเป็นฝ่ายค้าน เพื่อให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไปตามที่ประชาชนต้องการ การจัดตั้งรัฐบาลก็จะราบรื่นมากขึ้น อาจไปดึงพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่นๆ เพื่อให้มีเสียงเกิน 376 เสียง เป็นไปได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ถ้าพรรคก้าวไกลยอมเสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ต้องสนับสนุนเพื่อไทยไปเป็นรัฐบาลด้วย เราต้องเอาใจกันไว้ เผื่อวันข้างหน้าจะสนับสนุนตอบแทนซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรเสียหาย ทนอีกหน่อย อีกไม่นาน ถ้าเลือกใครไม่ได้ก็เลือก เสรีพิศุทธ์ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 เปิดช่องให้เสนอนายกฯ คนนอกได้
ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลยื่นเสนอปิดสวิตช์ ส.ว.โดยการแก้ไขมาตรา 272 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ทำไม่ได้ ตลอดที่ผ่านมา 4 ปีในสมัยประชุมที่แล้ว ครั้งนี้จะทำสำเร็จได้อย่างไร ถ้าเอาหัวกระแทกกำแพง กำแพงจะพังได้อย่างไร มีแต่หัวเราที่จะพัง ควรหาวิธีการใหม่ไปสู่ความสำเร็จ ส่วนตัวไม่เห็นด้วย แต่ก็แล้วแต่เขา อย่างไรก็ตาม การเสนอแก้ไขมาตรา 272 อาจจะเกิดคำถามจากประชาชน ว่าเหตุใดไม่ดำเนินการแก้ปัญหาประชาชนตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่กลับมาแก้ปัญหาให้กับตัวเอง ตนว่าไม่เหมาะ ขอฝากพรรคที่คิดจะแก้ไข ให้คิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก อย่าไปคิดถึงประโยชน์ของตัวเองมากนัก
ส่วนกังวลหรือไม่หาก ส.ส. และ ส.ว. อภิปรายจนทำให้ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในวันที่ 19 ก.ค.นี้อีกหรืออาจนำไปสู่ปัญหาอื่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตนเป็นประธานสภาฯ จะไม่ให้อภิปรายแล้ว เพราะอภิปรายกันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด อภิปรายซ้ำๆ เดิมๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่กลับอภิปรายเรื่องมาตรา 112 มันไม่ใช่ ตนก็เลยต้องอภิปรายตามไปด้วย เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องมาตรา 112 ทั้ง ส.ว. และ ส.ส. มีความรู้ขนาดไหนก็ไม่เข้าใจ ความจริงมาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญาถึงอย่างไรก็แก้ได้ตามรัฐธรรมนูญ และมีการแก้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาแสดงความคิดเห็น
ส่วนในรอบที่ 2 จะเสนอชื่อนายพิธา ได้อีกหรือไม่ และหากไม่ได้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ก็ยังเสนอได้ นายพิธาไม่ได้หมดสิทธิ์ ใครก็เสนอได้ พรรคก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอหรือตนเสนอก็ทำได้
เมื่อถามต่อว่าการโหวตรอบแรกเสียงของนายพิธายังไม่ได้ แล้วรอบ 2 จะได้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า มีการเว้นระยะเวลาการโหวตทั้ง 2 ครั้งไว้ จากวันที่ 13 ก.ค. เป็นวันที่ 19 ก.ค. เพื่อให้มีเวลาประสาน พร้อมมองว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเอง นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ไปยกมาตรฐานไว้สูงเลย
“พอมี 312 เสียง จะไปหาเพิ่ม ไปติดต่อพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มี 2 เสียง แต่พอด้อมส้มทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องพูดมาหน่อยก็ถอยแล้ว”
ส่วนความเป็นไปได้ที่ 8 พรรคร่วมจะเสนอยุทธวิธีใหม่ ด้วยการเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เพราะหากเป็นแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกลจะไม่ได้เสียงจาก ส.ว. อีก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า วันนั้นเพื่อไทยก็ยังไม่แข่งด้วย เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่ คบหากันมา คุยกันมาทำ MOU กัน เพื่อเปิดสิทธิ์ให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ เราก็คิดอย่างนั้น เพื่อไทยก็คิดอย่างนั้น จะ 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง ก็ได้ พร้อมย้ำว่า วันที่ 19 ก.ค. อย่างไรก็เสนอพรรคก้าวไกลแน่ๆ เพื่อไทยก็ไม่แข่งด้วย
“หากในวันที่ 19 ก.ค. นี้ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 พรรคก็ต้องคุยกัน ว่าโหวต 2 ครั้งแล้วยังไม่ได้ ก้าวไกลจะถอยหรือไม่ ถ้าก้าวไกลถอยเพื่อไทยจะได้เสนอแคนดิเดต แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อไทย ในขั้นต้น พรรคเพื่อไทยก็จะยังต้องเอาพรรคก้าวไกลไว้พูดมาตลอดจะเสียคำพูดได้อย่างไร เพราะหากเสียคำพูดก็คบกันไม่ได้ เพื่อไทยกับก้าวไกลต้องคุยกันไปเรื่อยๆ”
ส่วนมองฉากทัศน์สถานการณ์ทางการเมืองอย่างไรหากเพื่อไทยและก้าวไกลแยกกัน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เสรีรวมไทยจะมีจุดยืนอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ไปย้อนฟังการสัมภาษณ์ของตนได้ทุกครั้ง ตนบอก มาตลอดว่าไม่เอาเผด็จการ ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ผมบอกว่าถ้าเป็น พล.อ.ประวิตร ผมเอาได้ คนมาวิพากษ์วิจารณ์ผม ก็ผมจะเอาแล้วทำไม พอ พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่ ผมก็รวมได้หมด ถึง พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ ถ้าเขาไม่เอารวมไทยสร้างชาติผมก็รวมได้ ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเอง ผมเปิดได้หมด พร้อมกับกล่าวยามว่าก็ผมบอกว่าคนรัฐประหารคือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเพียงแค่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลเฉยๆ ก็ไม่ใช่คนรัฐประหาร