ศ. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ของพรรค ลงพื้นที่ตลาดสำเหร่ เขตธนบุรี ขอคะแนนเสียงสนับสนุนให้กับ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้สัมคร ส.ส. กทม. เบอร์11 เขตธนบุรี คลองสาน ราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์
นำเสนอยโนบายของพรรคและรับฟังการสะท้อนปัญหาจากประชาชนในพื้นที่เพื่อรวบรวมและผลักดันให้มีการแก้ไข โดยมีการสะท้อนถึงปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ปัญหาค่าครองชีพปากท้องและที่สำคัญคือ ปัญหาสุขภาพ จากฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานกระทบต่อวิถีชีวิตคนในชุมชน เนื่องจากคนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยเป็นผู้สูงอายุ
ซึ่ง น.ส.ศิริภา ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าให้มีกฎหมายเข้ามาควบคุม มลพิษอย่างจริงจังภายใต้กฎหมายที่มีชื่อว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ โดย ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ได้ดำเนินการศึกษาเรื่องนี้ เพื่อกำหนดมาตรฐานมลพิษทางอากาศอย่างเป็นธรรมต่อสุขภาพประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะ เขตกรุงเทพชั้นใน 16 เขต รวมถึง เขตธนบุรี คลองสาน ที่มีสถานศึกษามากกว่า 300 โรงเรียน และสถานพยาบาลมากกว่า 40 แห่ง และได้รับผลกระทบจากฝุ่นอย่างรุนแรง
การลงพื้นที่วันนี้ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ได้น้ำเครื่องตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 ที่ได้มาตรฐานไปตรวจวัด ในจุดที่ประชาชนเรียกร้องว่าได้รับผลกระทบอย่งมาก ที่ บริเวณถนนเจริญนคร 23 ด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัย ที่มีโรงเรียนอนุบาล และเป็นพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง กระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ ทั้งนี้จากการตรวจวัดในระดับพื้นที่พบ ค่าฝุ่น PM2.5 ถึง 65 มคก. /ลบ.ม. ซึ่งถือว่าเกินค่ามาตรฐาน ขององค์การอนามัยโลก ที่กำหนดค่า PM 2.5 ไม่ควรเกิน 25 มคก. /ลบ.ม.
ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีนโยบาย ติดตั้งเครื่องวัดฝุ่นคุณภาพสูงอย่างน้อย 2,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ และขอความร่วมมือป้าย LED แจ้งปริมาณฝุ่นพร้อมส่งสัญญาณเตือนเมื่อเกินค่ามาตรฐาน ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ จะกำหนดเงื่อนไขใน กฎหมายอากาศสะอาด ให้ตึกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต้อง Wrap ตึกและสามารถเคลมเป็นภาษีได้ ถ้าไม่ Wrap ต้องมีมาตรการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างหรือโดนภาษีหนัก แลพในเขตกรุงเทพชั้นในที่มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาลมากมาย ควรเป็นเขต LEZ (Low Emission Zone) เช่น ถ้ารถสิบล้อเข้าเขตนี้ต้องเสียภาษีเพิ่ม รถควันดำห้ามเข้า เป็นต้น
ด้านน.ส.ศิริภา อินทวิเชียร กล่าวว่า พื้นที่ ซอยเจริญนคร 23 นอกจากได้รับเรื่องร้องเรียนผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 แล้ว ยังเป็น 1 ใน 10 พื้นที่อันตรายของ กทม. ด้วยเนื่องจากเป็นซอยเปลี่ยว กลางคืนมืดอันตราย จนชาวบ้านในพื้นที่ต้องรวมกลุ่ม กันแก้ปัญหา ติดตั้งไฟฟ้ากันเอง จึงรับฟังปัญหาเพื่อมาผลักดันเป็นนโยบาย เพิ่มกล้องวงจรปิ มาช่วยสอดส่องดูแล และใช้นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ ระบบแจ้งเตือนไปยัง สถานีตำรวจ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินด้วย ควบคู่กับการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลพัฒนาพื้นที่ให้มีความปลอดภัย เฝ้าระวังปัญหายาเสพติดเชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ได้