เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ไลฟ์ออนไลน์รายการประเทศไทยต้องมาก่อนตอน “ด้านได้” โดยข้อความตอนหนึ่งได้กล่าวถึงกรณีสังคมมีข้อสงสัยการดูแลรักษานายทักษิณ ชินวัตร ที่ รพ.ตำรวจ จะสั่นคลอนเสถียรรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ให้พังเร็วขึ้น เพราะกังขาอาการป่วยจะไม่จริง แต่เป็นการสมยอมช่วยให้นักโทษคดีร้ายแรงได้คุมขังที่ รพ.ตำรวจ แล้วส่อแนวโน้มส่งไปต่อที่ รพ.เอกชน
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายทักษิณ เข้าคุก การทำประวัตินักโทษอาจลัดขั้นตอนได้ และหากส่งตัวไปอยู่ในเรือนพยาบาล แดน 7 ซึ่งมีกล้องวงจรปิดทุกจุด สามารถมองเห็นนักโทษใช้ชีวิตในห้องคุมขังได้ทั่วถึง ตนในฐานะติดคุก 5 ครั้งย่อมรู้ดี จึงมีข้อสงสัยมากมายกับกรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณ เช่น เกิดอาการป่วยเมื่อเที่ยงคืนครึ่งจริงหรือไม่ หรือเวลาตีหนึ่งจริงหรือไม่ อีกทั้งกล้องที่ รพ.ตำรวจ ต้องมีภาพถ่ายด้วยเช่นกัน โดยสามารถตรวจสอบช่วงเวลาทั้งเข้า รพ.ตำรวจ กับนำตัวออกจากเรือนจำได้อย่างดี แล้วจะเห็นถึงสภาพการเข้า รพ.ตำรวจ ด้วยสภาพดี หรือป่วย อีกอย่างในชั้นดูแลนั้นมีผู้ป่วยอื่นอยู่หรือไม่ และห้องแอร์เสียจริงหรือไม่
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า หากนายทักษิณ เจ็บป่วยจริงย่อมไม่มีปัญหา แต่มีความสงสัยเพราะประชาชนถูกหลอกกันอยู่เรื่อยตั้งแต่การตั้งรัฐบาล จนมาถึงนายทักษิณกลับมารับโทษตามกฎหมาย ในวันที่เดินทางกลับไทยนายทักษิณไม่มีวี่แวว ว่าจะเป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤตตามที่กล่าวอ้างว่า แทบไม่มีเสียง ต้องให้ออกซิเจนตลอดเวลานั้น ถ้าอาการเป็นเช่นนี้จะอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ห้องชั้น 14 ไม่ได้ ต้องเข้าห้องไอซียู เพราะอาการหนัก และจะอยู่ในห้องที่แอร์เสีย ต้องใช้พัดลม และไม่มีอากาศหายใจได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งผิดธรรมชาติ
“ดังนั้นปัญหามีว่า คุณมองประชาชนเป็นประชาชนหรือเปล่า หรือมองเป็นควาย ไม่อยากตั้งคำถามกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ท่านได้คุยกับนายทักษิณแล้วหรือยัง เรื่องความเสมอภาคของนักโทษเอาแค่เรื่องง่ายๆ แค่การกล้อนผมก็ต้องทำเหมือนนักโทษทั่วไปเป็นปกติ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอายุมากหรือน้อย”
