ดราม่าจนได้!!โซเชียลรุมค้าน’รมว.ยุติธรรม’ออกหน้าเคลียร์เอง หนุ่มติดหนี้กยศ. 3 แสนแถมโดนยึดคอนโด

0
192

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์คลิปวิดิโอการช่วยไกล่เกลี่ยหนี้ กยศ. ของหนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งเป็นหนี้ 3 แสนบาท จนถูกฟ้องยึดทรัพย์ ก่อนที่จะสามารถไกล่เกลี่ยจนสำเร็จ ได้ลดหนี้ลงและมีโอกาสได้คอนโดคืน โดยนายสมศักดิ์ ระบุข้อความว่า “ผมได้ช่วยไกล่เกลี่ยให้ได้คอนโดคืน หลังเป็นหนี้ กยศ. 3 แสนบาทจนถูดฟ้องยึดทรัพย์ ผมอยากให้ทุกท่านมาเข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยหนี้ จะได้คลายทุกข์ มีกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป”
.
ทั้งนี้ภายหลังคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ซึ่งบางส่วนไม่เห็นด้วย อย่าง”หนุ่ย -พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์” อินฟลูเอนเซอร์ด้านไอทีชื่อดัง ที่คอมเม้นท์ว่า”ทุเรศ” และระบุว่า กยศ. ไม่น่าลดหนี้ให้ การยึดคอนโดมูลค่า 3 ล้านถือว่าถูกต้องแล้ว เนื่องจากลูกหนี้ทำพฤติกรรมอำพรางแสร้งว่าไม่มี ไม่ชดใช้หนี้ให้ตรงกรอบเวลาตามที่ศาลสั่ง และผิดนัดซ้ำซาก 9 ปีที่ศาลสั่ง และก่อนหน้านั้นอีกเท่าไร
.
“หนุ่ย-พงศ์สุข”ยังระบุว่า อีกทั้งเงินค่าชำระหนี้เดือนละ 2,600 บาท เท่ากับบิลมื้อใหญ่ในห้างดังมื้อหนึ่ง บางครั้งลูกหนี้ต้องยอมอดสุขเพื่อช่วยเหลือคนรุ่นถัดไป ไม่ใช่ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ทำคนรุ่นหลังลำบากจากการรอและขาดโอกาสในการถึงแหล่งเงินทุน ประเทศเราควรเลิกนโยบายเจรจากับผู้ก่อการร้ายทุกกรณี ไกล่เกลี่ยแล้วจะมีแต่ประโยชน์ให้กับคนทุเรศ ๆ ทำไมเราต้องพินอบพิเนาขอเงินคืนจากลูกหนี้แบบประนอมแล้วประนอมอีก ทั้งที่เราปล่อยกู้เขา
.
กระทั่งต่อมานายสมศักดิ์ โพสต์ชี้แจงว่า กรณีที่ผมถูกสังคมตั้งคำถามถึงเคสผู้กู้กยศ. ไม่จ่ายชำระยอดหนี้ 3 แสนกว่าบาท จนถูกศาลสั่งยึดทรัพย์คอนโด มูลค่า 3 ล้านบาท ว่าไม่ควรได้รับการช่วยเหลือนั้น ผมขอชี้แจงว่า ผู้กู้กยศ.รายดังกล่าว มีหนี้รวม 371,497 บาท แบ่งเป็น เงินต้น 244,096 บาท ดอกเบี้ย 26,817 บาท และเบี้ยปรับ 100,584 บาท เนื่องจากมีการขาดส่ง จึงถูกสั่งยึดทรัพย์ เป็นคอนโดมูลค่า 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ค.65
.
เมื่อผู้กู้กยศ.รายนี้ ถูกยึดทรัพย์ จึงมาเข้าร่วมงานไกล่เกลี่ยหนี้ โดยเคสนี้ เข้าเงื่อนไขการปิดบัญชี เพื่อลดเบี้ยปรับ 100% ทำให้ได้รับส่วนลดตรงนี้ประมาณ 1 แสนบาท หนี้จึงลดลงมาเหลือ 270,913 บาท แต่มีเงื่อนไขว่า การปิดบัญชีต้องจ่ายทีเดียว ก่อนวันที่ 27 ธ.ค.65 ถึงจะถอนการยึดทรัพย์ ซึ่งกรณีลดเบี้ยปรับ 100 % เป็นเกณฑ์ที่ กยศ.วางไว้ เพื่อจูงใจ ให้ลูกหนี้เข้ามาปิดบัญชี จะได้เอาเงินมา​หมุนเวียนให้รุ่นน้องต่อไป โดยกรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกตนั้น ผมขอยืนยันว่า ไม่ได้ลดเงินต้นให้ และไม่มีการเลือกปฎิบัติแต่อย่างใด เพราะการไกล่เกลี่ยหนี้ ขณะนี้จัดทั่วประเทศไปแล้ว 72 ครั้ง ช่วยไกล่เกลี่ยสำเร็จถึง 57,531 ราย
.
จะเห็นได้ว่า กระทรวงยุติธรรม ได้ทำงานอย่างหนัก ในการช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ไม่สามารถผ่อนชำระได้ ทั้งก่อนถูกฟ้อง และหลังถูกฟ้อง ได้เป็นจำนวนมาก เพราะผมตั้งใจเข้ามาช่วยเหลือ ในการไกล่เกลี่ย หลังประชาชนบางส่วนขาดรายได้ หรือ ตกงาน จากผลกระทบโควิด-19 ซึ่งเราให้ความช่วยเหลือทุกกรณีที่เข้าเกณฑ์ โดยจากการจัดงานมาทั่วประเทศ มีเพียง 4-5 % เท่านั้น ที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ซึ่งผมเข้าใจดีถึงความเดือดร้อน ที่ต้องอมทุกข์มาเป็นเวลานานจากการเป็นหนี้ และไม่มีทางออก เพราะบุคคลเหล่านั้น จะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้เลย จึงเข้ามาขับเคลื่อนโครงการนี้
.
หลายเคสผมได้เป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง มีทั้งเป็นผู้ตกงาน ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ หรือ เป็นผู้ค้ำประกันซื้อรถยนต์ เงินกู้ จนได้รับความเดือดร้อนถูกยึดทรัพย์ ผมก็เจรจาจนได้ทรัพย์คืนเช่นกัน ซึ่งโครงการนี้ เราได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินกว่า 10 แห่ง มาช่วยแบ่งเบาความเดือดร้อนให้ประชาชน เพราะบางคน วิกฤตทางตันถึงขั้นจะถูกยึดบ้าน ไม่มีที่อาศัย ผมก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้
.
การช่วยเหลือบางเคส อาจจะขัดความรู้สึกของประชาชนบางส่วน แต่ผมยืนยันว่า ในฐานะรัฐบาล ที่มีหน้าที่ดูแลประชาชน ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ ที่เสมือนเป็นการให้โอกาสเขาได้แก้ตัวใหม่ เพราะเขาเอง ก็ได้รับบทเรียนราคาแพงแล้ว ด้วยการถูกดำเนินคดี จนกลายเป็นบุคคลเครดิตไม่ดี ก็จะส่งผลถึงการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต ซึ่งการให้โอกาส ไม่ใช่เป็นการสนับสนุนคนทำผิด แต่เป็นการช่วยให้เขาสามารถฟื้นตัวได้ ส่วนผู้ที่ชำระหนี้กยศ.ไม่ผิดนัด ผมก็ขอชื่นชม ซึ่งเงินส่วนนี้ ก็จะกลับไปสู่รุ่นน้องต่อไป เป็นสิ่งที่ทำถูกต้อง โดยหากผู้ส่งตรงตลอด เข้าร่วมไกล่เกลี่ย ก็จะมีส่วนลดให้สำหรับผู้ที่จะปิดบัญชี หรือ เข้าปรับโครงสร้างหนี้ได้ รวมถึงผมได้พูดคุยกับบางธนาคาร อย่าง ออมสิน ก็เตรียมออกแพ็กเกจช่วยเหลือลูกหนี้ดีเช่นกัน
.
ที่หลายคนพยายามนำเคสผู้มีประวัติดี มาเทียบกับผู้ที่กำลังจะล้มเหลวทางการเงินนั้น ผมอยากบอกว่า ปัญหาชีวิตของคนเรา ไม่เหมือนกัน ซึ่งเราอาจจะโชคดี ทำมาหากิน มีกำลังผ่อน แต่หลายคนก็อาจจะไม่โชคดี กำลังเดือดร้อน ดังนั้น เราไม่ควรนำความรู้สึกของตัวเอง มาตัดสิน หรือ ทำลายชีวิตผู้อื่น เพียงแค่ตัวหนังสือบนปลายนิ้ว ซึ่งผมยืนยันว่า ไม่เสียกำลังใจ ที่จะเดินหน้าจัดงานไกล่เกลี่ยต่อ โดยจะจัดเวทีสุดท้ายที่เมืองทองธานี วันที่ 8-11 ก.ย.นี้ เพราะยังมีอีกหลายคนที่รอการช่วยเหลืออยู่ ซึ่งผมเข้าใจคนที่ออกมาตำหนิการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะเขาอาจจะไม่รู้ถึงรายละเอียด และไม่เคยรับรู้ถึงคราบน้ำตาของประชาชน ที่หมดหนทางแทบจะหมดตัวเป็นอย่างไร
.

ThePOINT #ข่าวสังคม #กระทรวงยุติธรรม #สมศักดิ์เทพสุทิน #ไกล่เกลี่ยหนี้ #กยศ