พรรคประชาชน นับถอยหลังรอวันครองอำนาจ
“4 ทหารเสือแห่งยุคใหม่ กับบทพิสูจน์ว่าพรรคนี้ยังมีไฟ”
แม้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์จะถูกกันออกจากสมรภูมิการเมืองชั่วคราว
แต่สิ่งที่ยังไม่หายไปคือแรงศรัทธาในอุดมการณ์ที่เขาวางรากไว้
คืออุดมการณ์ที่วันนี้ถูกส่งต่อโดย “ทีมสี่เสาหลัก” ของพรรคประชาชน
ซึ่งกำลังลับคม เตรียมลงสนามเลือกตั้งรอบใหม่ เพื่อทวงคืนพื้นที่ทางการเมืองจากระบบเดิม
พรรคประชาชนรู้ดีว่าการเมืองไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนขั้ว
ในขณะที่ฝ่ายอำนาจเก่ากำลังจัดขั้วต่อรอง พวกเขากลับเลือก “วางเกมยาว” ด้วยการสร้างทีมที่แข็งแรงในทุกมิติ
ไม่ใช่แค่พรรคของผู้นำคนเดียว แต่เป็นพรรคของคนทำงานจริง และนั่นคือจุดที่ทำให้ “การนับถอยหลัง” ของพรรคนี้น่าจับตากว่าที่เคย
รักชนก ศรีนอก – พลังของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมเงียบ
รักชนกคือภาพแทนของคนรุ่นใหม่ที่เบื่อระบบการเมืองเก่าที่ปิดกั้น
เธอไม่พูดอ้อม ไม่ประนีประนอมกับความอยุติธรรม และกล้าชนกับประเด็นที่นักการเมืองส่วนใหญ่เลี่ยงพูด
เสียงของเธอบนเวทีและในโซเชียลไม่ใช่เสียงตะโกน แต่คือเสียงเรียกร้องให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นตั้งคำถาม
ในสภา เธอพิสูจน์แล้วว่าพูดได้ตรง มีเหตุผล และสามารถผลักนโยบายด้านสิทธิสตรี ความเท่าเทียมทางเพศ และสิทธิแรงงานให้เป็นประเด็นระดับชาติ
จุดแข็งของรักชนกคือ “การสื่อสารที่จริง” เธอไม่ได้สร้างภาพ แต่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่พูด
ทำให้กลุ่มคนรุ่น Z และคนทำงานวัยกลางคนจำนวนมากรู้สึกว่าพรรคนี้ “เข้าใจชีวิตจริง”
เธอจึงเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ต่ออายุอุดมการณ์ของพรรคให้เชื่อมโยงกับสังคมยุคใหม่
ศิริกัญญา ตันสกุล – สมองเศรษฐกิจและเครื่องยนต์นโยบาย
หากรักชนกคือพลังทางอารมณ์ ศิริกัญญาคือพลังทางเหตุผล
ในพรรคที่เต็มไปด้วยนักอุดมการณ์ ศิริกัญญาคือ “นักคำนวณ” ที่ทำให้นโยบายไม่ลอยอยู่บนอากาศ
เธอเป็นผู้แปลงแนวคิดทางสังคมให้กลายเป็นตัวเลขและแผนที่ทำได้จริง
บทบาทของเธอในช่วงอภิปรายงบประมาณและการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของพรรค แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาชนไม่ใช่พรรคของคนฝัน แต่คือพรรคของคนวางระบบ
ศิริกัญญามีลักษณะเฉพาะที่นักการเมืองหญิงสมัยใหม่ต้องการ คือความเฉียบ ความนิ่ง และความเข้าใจเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง
เธอสามารถอธิบายนโยบายที่ซับซ้อนอย่างภาษีที่ดินหรือสวัสดิการถ้วนหน้าให้คนทั่วไปเข้าใจได้
ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้พรรคประชาชนมีความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจมากกว่าภาพ “พรรคเด็กหัวร้อน” ที่คู่แข่งพยายามป้าย
รังสิมันต์ โรม – ผู้ตรวจสอบอำนาจที่ไม่ยอมถอย
โรมคือนักการเมืองรุ่นใหม่ที่สังคมไทยจดจำในฐานะ “มือปราบทุนอำนาจ”
บทบาทของเขาในสภาเป็นมากกว่าการอภิปราย เพราะสิ่งที่เขาทำคือการเปิดโปงโครงสร้างอำนาจที่สืบทอดกันมายาวนาน
เขาไม่ใช่เพียงนักการเมืองที่มีไฟ แต่คือคนที่ “อ่านเกมอำนาจ” ได้เฉียบ
ความกล้าและความละเอียดของเขาในการติดตามคดีใหญ่ เช่น การฟอกเงิน หรือการเชื่อมโยงทุนกับอำนาจรัฐ ทำให้เขาเป็นสัญลักษณ์ของการเมืองที่ไม่ยอมอยู่ใต้เงาใคร
ในมิติของพรรค รังสิมันต์คือผู้สร้าง “ความเชื่อมั่นด้านความซื่อสัตย์”
ฐานเสียงจำนวนมากเชื่อว่าพรรคนี้ยังสะอาด ยังยืนตรง เพราะมีโรมอยู่
และในสนามเลือกตั้งที่จะถึง เขาจะเป็นคนที่สร้างภาพจำว่า “พรรคประชาชนคือพรรคของการตรวจสอบจริง”
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร – นักรบสนามที่ไม่ยอมปล่อยอุดมการณ์ให้ตายกลางทาง
ชื่อของวิโรจน์คือคำพ้องกับคำว่า “สู้”
เขาเป็นนักการเมืองที่เข้าใจชีวิตของแรงงาน ผู้ใช้แรง และคนหาเช้ากินค่ำมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้
วิโรจน์พูดด้วยความรู้จริง และเชื่อมโยงปัญหาสังคมกับโครงสร้างรัฐอย่างตรงไปตรงมา
แม้จะเคยถูกมองว่าเสียงดัง แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาคือคนที่ “พูดแทนคนไม่มีเสียง” ได้จริง
ในสนามเลือกตั้งท้องถิ่น เขาคือแม่ทัพที่เข้าใจพื้นที่ และเป็นจุดเชื่อมระหว่างพรรคกับประชาชนระดับรากหญ้า
วิโรจน์ไม่ได้เป็นเพียงนักพูดบนเวที แต่เป็นนักจัดทัพ นักสร้างฐาน และนักลงมือ
เมื่อพรรคต้องการแรงผลักจากพื้นที่ เขาคือคนที่สามารถทำให้ฐานเสียงกลับมามีชีวิต
พรรคของทีม ไม่ใช่พรรคของคนเดียว
หลังจากยุคพิธา พรรคประชาชนเลือกเดินในทิศทางใหม่ที่ไม่ขึ้นกับคาริสม่าเฉพาะบุคคล
สี่คนนี้ไม่ได้เพียงรับไม้ต่อ แต่เป็น “สี่เสา” ที่ยึดพรรคให้มั่นคงกว่าที่เคย
แต่ละคนเก่งในสนามต่างกัน เมื่อรวมกันจึงกลายเป็นพรรคที่มีความครบเครื่องทั้งด้านภาพลักษณ์ นโยบาย และการปฏิบัติ
นี่คือการปรับโครงสร้างเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของพรรค
เพราะในยุคที่ประชาชนเริ่มเบื่อวัฒนธรรม “ผู้นำคนเดียวพูดทุกเรื่อง”
พรรคประชาชนกำลังเสนอภาพใหม่ของการเมืองไทย > พรรคที่บริหารด้วยทีม และให้ผู้นำทุกคนเป็นตัวแทนของพลังคนจริง
ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
หกเดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ
พรรคประชาชนวางหมากระยะยาว จากการจัดทัพภายใน ลงพื้นที่ และสื่อสารสาธารณะอย่างเป็นระบบ
พวกเขาไม่เพียงต้องการเสียง แต่ต้องการ “อำนาจที่มาพร้อมความชอบธรรม”
เพื่อพิสูจน์ว่าอุดมการณ์เปลี่ยนประเทศยังไม่ตาย
แม้จะไม่มีพิธาในแนวหน้า แต่ในสนามจริง ทีมสี่ทหารเสือนี้คือพลังขับเคลื่อนที่พร้อมที่สุด
และเมื่อโอกาสมาถึง พวกเขาไม่เพียงจะกลับเข้าสภา แต่จะกลับไปยืนในตำแหน่งที่หลายคนคิดว่าหายไปแล้ว
สุดท้ายนี้พรรคประชาชนในวันนี้อาจดูเงียบกว่าครั้งที่มีผู้นำคาริสม่าโดดเด่น
แต่ภายใต้ความเงียบ คือการเตรียมการอย่างเป็นระบบ
สี่ทหารเสือแห่งพรรคนี้ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของความต่อเนื่อง
แต่เป็นหลักฐานว่าอุดมการณ์ยังมีชีวิต
การนับถอยหลังได้เริ่มขึ้นแล้ว
และสิ่งที่พรรคนี้รออยู่ ไม่ใช่โอกาสที่จะกลับมา
แต่คือวันที่พวกเขา “ครองอำนาจด้วยความเชื่อมั่นของประชาชนอีกครั้ง”
บทความโดยทีมข่าวการเมือง
_____________
#Newsthepoint
#พรรคประชาชน #พรรคส้ม
#ด้อมส้ม #ส้มทั้งแผ่นดิน

