เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจตามที่มีกระแสข่าวถึงการต่อรองและแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีตนเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ทำให้สับสนวุ่นวายนั้น ตนมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ภายในระยะเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาโดยไม่ต้องกังวลต่อการต่อรองหรือเรียกร้องใดๆ พร้อมทั้งขอประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองที่จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามที่เป็นข่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีได้เร่งสรรหาบุคคลที่เหมาะสมที่จะแก้ปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา และทะนุบำรุงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่สามารถทำงานได้จริงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อรองใดๆ โดยเอาประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง
“ผมยินดีที่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและพร้อมใช้ความรู้ ประสบการณ์และเครือข่ายระหว่างประเทศด้านความมั่นคงของผมที่มี ถ้าสามารถจะเป็นประโยชน์ได้ไม่ว่าในด้านใดก็ตาม และต้องการที่จะเห็นประเทศชาติของเราเดินหน้าสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยเร็ว”พล.อ.ประวิตร กล่าว
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากร คณะหลอมรวมประชาชน พูดในรายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยคาดว่า ทักษิณ ชินวัตร คงไม่กลับมาไทยเพื่อไปขึ้นศาลฎีกานักการเมืองอ่านคำสั่งกรณีเรือนจำพิเศากรุงเทพบังคับโทษติดคุกแล้วหรือยังในวันที่ 9 ก.ย.นี้
“ผมอยากให้ทักษิณ กลับมาตามคำพูดจะกลับถึงไทยเย็นวันที่ 8 ก.ย. อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมแล้ว เชื่อว่า ทักษิณ ไม่กลับ เพราะถ้าจะไปฟังคำสั่งศาลฎีกา ก็คงไม่ออกจากไทย การไปหาหมอสิงคโปร์จึงเป็นแค่คำอ้างเพื่อไปตั้งหลักเท่านั้น”
อีกทั้งกล่าวถึงการปล่อยข่าวจากบ้านจันทร์ส่องหล้าอ้างทักษิณออกจากนครดูไป สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะกลับไทยแต่ต้องแวะสิงคโปร์ก่อนนั้น ตนเชื่อไม่กลับเพราะถ้าเป็นเรื่องจริงคนบ้านจันทร์ส่องหล้าควรออกมายืนยันให้ชัดเจน แต่ถึงขณะนี้กลับเงียบเฉย
อย่างไรก็ตาม ถ้าเย็นวันที่ 8 ก.ย. ทักษิณ มาไทยจริง และไปศาลฎีกานักการเมืองในวันที่ 9 ก.ย. หากผลคำสั่งศาลออกมาเป็นบวก ทักษิณคงเป็นอิสระ ถ้าผลออกมาเป็นลบ ปัญหาย่อมมีตามมาอีกหลายกรณี และอาจลามถึงการถวายฎีกาด้วย เพราะถ้าไม่ได้ติดคุก ก็ไม่สิทธิ์ยื่นฎีกาฯ ขออภัยโทษ
นายจตุพร กล่าวว่า จากการไต่สวนพยานหลายปากของศาล คาดกันว่า จะมีผลออกมาด้านลบมากกว่าด้านบวกกับทักษิณ ซึ่งจะทำให้รอดคดีชั้น 14 ยาก อีกอย่างถ้าทักษิณ คิดเผชิญหน้ากับผลคำสั่งของศาลแล้ว คงไม่ออกจากไทย ทั้งๆที่ดูพฤติกรรมภายนอกแสดงถึงไม่มีอาการป่วยโรคกระดูกและปอดอย่างฉับพลันจนต้องไปหาหมอสิงคโปร์เลย เพราะหมอเก่งๆ ในไทยก็มีอยู่จำนวนมาก ดังนั้นตนจึงค่อนข้างเชื่อว่า ทักษิณจะไม่กลับไทย
“ในความเชื่อของผม ถ้า (ทักษิณ) ไม่มาแล้วใช้ใบรับรองแพทย์ ศาลจะให้โอกาสเลื่อนหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ซึ่งผมหวังให้เขากลับมา แต่ดูลีลาแบบนี้ ผมวิเคราะห์ว่าไม่มา “
อีกทั้งย้อนกองเชียร์พรรคเพื่อไทยที่อ้างถึงอำนาจพิเศษแทรกแซงตั้งรัฐบาลภูมิใจไทย ว่า แล้วพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ใช้อำนาจธรรมดาเหรอ และ 152 เสียง สว.มาจากไหน แล้ว สว.ขณะนั้นพิศวาสอะไรกับเพื่อไทยจึงยกมือให้ตั้งรัฐบาลกับฝ่ายสนับสนุนรัฐประหาร ซึ่งปรากฎการณ์นั้นเป็นเรื่องธรรมดาเหรอ
“ตัวเอง (พรรคเพื่อไทย) ก็ผ่านความเป็นพิเศษมาแล้ว ที่ผ่านมามันธรรมดาที่ไหน และตลอด 2 ปีผ่านมา เวลาที่ได้ประโยชน์ก็มีเหตุผลอีกอย่าง เวลาเสียก็อ้างเหตุผลอีกอย่าง ถ้าเอาเหตุผลอนุรักษ์นิยมฟาดพรรคเพื่อไทยในวันนั้น วันนี้ประชาชนจะยืนอย่างแข็งแรงถ้วนหน้า แต่กลับไปย้อนรอยอารมณ์เดิม กล่าวอ้างอนุรักษ์นิยมมาเป็นเงื่อนไขการปลุกคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นสู้”
พร้อมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมา 2 ปี ยากที่จะหาผลงานไปหาเสียง ดังนั้น จึงต้องสร้างอารมณ์ประชาชนขึ้นมาใหม่ ด้วยการปลุกคำว่าอนุรักษ์นิยมมาเป็นเงื่อนไขกล่าวอ้างให้ตัวเองเป็นเสรีประชาธิปไตยที่ถูกกระทำด้วยอำนาจนอกระบบหรืออำนาจพิเศษ และมากลบความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทย
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#ครมอนุทิน #บิ๊กป้อม #ทักษิณ
#รัฐบาลอนุทิน