เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความในหัวข้อ “คำกล่าวถึงคนขายหมูในวุฒิสภากับปัญหาการฝ่าฝืนจริยธรรม” ระบุว่า
คำกล่าวถึงคนขายหมูในวุฒิสภากับปัญหาการฝ่าฝืนจริยธรรม
—–
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 สื่อมวลชนรายงานข่าวว่า วุฒิสภาลงมติฟัน“นันทนา” ผิดจริยธรรมร้ายแรง หลังประชุมลับ 5 ชั่วโมง ปมด้อยค่า “สว.แม่ค้าขายหมู” ส่ง ป.ป.ช. ดำเนินการ
ปัญหาว่า เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ มติเสียงข้างมาก 130 เสียงเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย 26 เสียง งดออกเสียง 11 เสียง และมีผู้ไม่ลงคะแนน 2 เสียง
ผู้เขียนพิจารณาแล้ว มีข้อมูลและความเห็นดังนี้
1) ตามรายงานข่าวของสื่อมวลชน
นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เคยกล่าวในที่ประชุมวุฒิสภาว่า
“ดิฉันถูกโหวตออกจากรรมาธิการพัฒนาการเมือง ได้คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการ…ซึ่งตรงนี้ขอฟ้องประชาชน ว่ากระบวนการคัดสรรผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในกมธ. ไม่ได้คำนึงถึงฐานประวัติกลุ่มอาชีพของผู้สมัครเข้ามาเป็นสว. แต่ใช้เสียงข้างมากในการโหวต”
ต่อมามีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ซึ่งพิจารณาแล้วรายงานต่อวุฒิสภาว่า นางสาวนันทนาวางตนไม่เป็นกลาง มีอคติกับกลุ่มอาชีพ และดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เกี่ยวกับความเป็นอาชีพของบุคคลอื่น ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล และเสียดสี สว. บุคคลอื่น อันเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งวุฒิสภาของตน และไม่เคารพ ไม่ปฏิบัติตามการประชุมวุฒิสภา คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาได้พิจารณาจากพฤติกรรม เจตนา ตำแหน่ง และความสำคัญของตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ อายุ ประวัติ ความประพฤติ มูลเหตุจูงใจ และสภาพแวดล้อมแห่งกรณีของนางสาวนันทนาแล้ว เห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 มาตรา 27 มาตรา 34 50 (3) และ (6) และมาตรา 107 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 14, 18, 24, 29 และ 31
วุฒิสภาพิจารณาเมื่อวันที่ 28 คุลาคม 2568 แล้วมีมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของ สว. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (หรือ 119 เสียง) ว่า น.ส.นันทนากระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังจากนี้ ประธานวุฒิสภาจะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
2) ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 กำหนดจริยธรรมของ สว. และกรรมาธิการส่วนที่เป็นจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ จริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก และจริยธรรมทั่วไป (ข้อ 6 ถึงข้อ 27) เหมือนกับมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ชนิดคำต่อคำ
จริยธรรมส่วนที่กำหนดเพิ่มเติมคือจริยธรรมอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. และกรรมาธิการ (ข้อ 28 ถึงข้อ 36)
การฝ่าฝืนจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ เช่น การยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ หรือการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตยฯ ซึ่งหากฝ่าฝืน ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง (ข้อ 44 วรรคหนึ่ง)
แต่การฝ่าฝืนจริยธรรมในกรณีอื่นนอกจากจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ตามข้อบังคับ จะถือว่ามีลักษณะร้ายแรงหรือไม่ ให้พิจารณาจากพฤติกรรม เจตนา ตำแหน่ง ความสำคัญของตำแหน่ง หน้าที่ความรับผิดชอบ อายุ ประวัติและความประพฤติของ สว. ผู้ถูกร้องเรียน มูลเหตุจูงใจ สภาพแวดล้อมแห่งกรณี ผลร้ายหรือความร้ายแรงของความเสียหายที่เกิดจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม และเหตุอื่นอันควรนำมาประกอบการพิจารณา (ข้อ 44 วรรคสอง)
กรณีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างไม่ร้ายแรง ให้วุฒิสภามีมติว่ากล่าวตักเตือน หรือตำหนิ (ข้อ 43 วรรคหนึ่ง)
ในกรณีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป และแจ้งให้ที่ประชุมวุฒิสภาทราบ (ข้อ 43 วรรคสอง)
3) เมื่อพิจารณาจากมติของวุฒิสภาแล้ว นางสาวนันทนาไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ แต่วุฒิสภาเห็นว่า นางสาวนันทนาฝ่าฝืนจริยธรรมในกรณีอื่นนอกจากจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ซึ่งถือว่ามีลักษณะร้ายแรง และต้องส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. ดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่ง สว.
4) เมื่อกลางปี 2568 นางแดง กองมา ส.ว. ได้ยื่นฟ้องนางสาวนันทนา นันทวโรภาส ต่อศาลแขวงดุสิต ฐานหมิ่นประมาท โดยมีประเด็นมาจากคำพูดของนาสงสาวนันทนาที่ว่า “ได้คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการ…” ซึ่งถูกมองว่าเป็นการ “ด้อยค่า” ส.ว. คนหนึ่ง คดีอยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ทราบว่าศาลแขวงดุสิตนัดฟังคำสั่งว่าคดีมีมูลพอที่จะประทับรับฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
5) ผู้เขียนเห็นว่า คำพูดของนางสาวนันทนาดังกล่าวข้างต้นไม่เข้าข่ายข้อ 14 (การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรมฯ) ข้อ 18 (การก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง) และข้อ 24 (ปฏิบัติต่อประชาชนโดยเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์)
คงมีปัญหาว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อ 31 (ต้องให้เกียรติและเคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของสมาชิก กรรมาธิการ และผู้อื่น ไม่แสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด หรือนำเอาเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายหรือแสดงความเห็นในการประชุม) หรือไม่
ถ้าวุฒิสภาเห็นว่า เป็นการฝ่าฝืนข้อ 31 วุฒิสภามีอำนาจเพียงมีมติว่ากล่าวตักเตือน หรือตำหนิเท่านั้น ไม่ใช่การฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ. 2561 ที่จะส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. ไต่สวนและร้องต่อศาลฎีกาให้ถอดถอนนางสาวนันทนาออกจากตำแหน่ง สว. ได้
6) ในที่ประชุมวุฒิสภา สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็น ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใด ๆ มิได้ (รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 124 วรรคหนึ่ง)
ส่วน สว. คนหนึ่งฟ้องนางสาวนันทนาเป็นจำเลยต่อศาลแขวงดุสิตฐานหมิ่นประมาทนั้น เป็นคดีอาญาที่ยังอยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องของศาล ศาลยังไม่ได้สั่งประทับรับฟ้องไว้พิจารณา
หากศาลประทับรับฟ้องและในชั้นพิจารณา จำเลยพิสูจน์ได้ว่า ตนแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จำเลยก็จะไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1))
7) คดีเกี่ยวกับ สว. หลายคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีฮั้วเลือก สว. หรือ สว. ฮั้วลงมติโดยมิชอบ ค้างคาอยู่ในระหว่างการสืบสวนไต่สวนขององค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ กกต. มาเป็นเวลานาน ไม่สามารถจะส่งเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาได้ นับวันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างร้ายแรง
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าสำคัญของประเทศต้องเดิมพันด้วยชื่อเสียงและคุกตารางในท้ายที่สุดครับ
_____________
ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1afrtPjDRV/
#Newsthepoint
#สวขายหมู #สวนันทนา
#วุฒิสภา #จริยธรรมการเมือง

