เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มอบหมายให้ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรมว.พม. ร่วมกันทำหน้าที่ประธานที่ประชุมกระทรวง พม. ประจำเดือนมิถุนายน
ซึ่งภายหลังการประชุม นายนิกร แถลงข่าว ว่า ที่ประชุมกระทรวงมีการพิจารณาข้อเสนอของคณะทำงานพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขกฎหมายเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีตนเป็นประธานคณะทำงาน เรื่องการทบทวนและปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 โดยผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว พบว่า การบังคับใช้กฎหมายไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน , การกำหนดบทกำหนดโทษตามกฎหมายปัจจุบันไม่ทำให้บุคคลที่ทำการขอทานและผู้แสวงหาประโยชน์จากการขอทานเกิดความเกรงกลัว และยังขาดกลไกสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนบุคคลที่แสดงความสามารถ
การทบทวนและปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. … มีหลักการ ดังนี้
- กำหนดความผิดและกำหนดโทษทางอาญาแก่ผู้แสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ทำการขอทาน และบุคคลที่ทำการขอทาน
2.ให้อำนาจกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย - กำหนดแนวทางการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคคลที่ทำการขอทาน
- กำหนดมาตรการในการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาบุคคลที่แสดงความสามารถให้มีความเหมาะสม
ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นชอบในการยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 ฉบับเดิม และยกร่างฉบับใหม่ โดยมีสาระสำคัญในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว ดังนี้
- ปรับปรุงเนื้อหาของกฎหมาย ด้วยการแบ่งหมวด เพื่อความชัดเจน จำนวน 6 หมวด ได้แก่ หมวด 1 คณะกรรมการควบคุมการขอทาน หมวด 2 การควบคุมการขอทาน หมวด 3 การคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต หมวด 4 พนักงานเจ้าหน้าที่ หมวด 5 การแสดงความสามารถ หมวด 6 บทกำหนดโทษ และบทเฉพาะกาล
- จัดแบ่งบุคคลที่ทำการขอทาน ออกเป็น 3 ประเภท โดยกำหนดมาตรการในการดำเนินการที่แตกต่างกัน ได้แก่ 2.1 บุคคลที่ทำการขอทาน ต้องรับโทษทางอาญา 2.2 บุคคลที่ทำการขอทานซึ่งมีพฤติการณ์พิเศษ ต้องได้รับโทษหนักขึ้น 2.3) บุคคลที่ทำการขอทานซึ่งเป็นคนไทยกลุ่มเปราะบางภายหลังการคัดกรอง หากผู้นั้นยินยอมและเข้ารับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด ให้ผู้นั้นพ้นจากความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
- กำหนดความผิดและกำหนดโทษทางอาญาแก่ผู้แสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ทำการขอทาน และบุคคลที่ทำการขอทาน ได้แก่ 3.1 กำหนดห้ามบุคคลทำการขอทาน และกำหนดพฤติการณ์พิเศษของบุคคลที่ทำการขอทานที่ต้องได้รับโทษหนักขึ้น 3.2 บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อทำการขอทาน เมื่อพนักงานสอบสวนดำเนินการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองต่อไป 3.3 กรณีผู้แสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ทำการขอทาน เดิมมีบทยกเว้นโทษสำหรับบุพการีหรือผู้สืบสันดาน ซึ่งเป็นช่องว่างให้บุคคลที่ทำการขอทานนำบุตรหลานของตนเองมาทำการขอทาน จึงมีการเพิ่มเติม หากเป็นการกระทำต่อเด็ก ซึ่งเป็นการกระทำโดยบุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลของบุคคลที่ทำการขอทาน ไม่ว่าจะมีความผูกพันกับบุคคลที่ทำการขอทานในทางกฎหมายหรือไม่ก็ตาม ต้องรับโทษหนักขึ้น
- ให้อำนาจกับพนักงานเจ้าหน้าที่ และเพิ่มบทคุ้มครองพนักงานเจ้าหน้าที่
- กำหนดแนวทางการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคคลที่ทำการขอทาน โดยกำหนดหน้าที่และอำนาจของผู้ปกครองสถานคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต วิธีการและสิทธิที่บุคคลที่ทำการขอทานได้รับกรณีเข้ารับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต
- กำหนดมาตรการในการพัฒนาบุคคลที่แสดงความสามารถให้มีความเหมาะสม อันเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
- เพิ่มมาตรการทางภาษี เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับบุคคล นายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการ องค์กรภาคเอกชน ที่สนับสนุนการดำเนินงานด้านการควบคุมการขอทาน และพัฒนาบุคคลที่แสดงความสามารถ
สำหรับแผนการดำเนินการในระยะต่อไปนั้นคาดว่าสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะเสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. … ต่อคณะทำงานพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขกฎหมายเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ จากนั้นประมาณเดือนกรกฎาคม จะเปิดรับฟังความเห็นผ่านระบบกลางทางกฎหมาย ด้วยการเวียนหน่วยงาน และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น และในช่วงเดือนสิงหาคม จะเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมการขอทาน และคาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาได้ประมาณเดือนกันยายน 2568