การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวคือโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่การปล่อยให้ผู้ถือวีซ่านักท่องเที่ยวสามารถเปิดบัญชีธนาคารได้อย่างอิสระ อาจกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนทำลายระบบการเงินของประเทศโดยไม่รู้ตัว
“บัญชีธนาคารไม่ใช่ของฝาก”
บัญชีธนาคารคือจุดเริ่มต้นของระบบเศรษฐกิจส่วนบุคคล เป็นเครื่องมือสำคัญที่ผูกกับบริการทางการเงินทั้งหมด ไม่ใช่ใครที่มาเที่ยว 2 สัปดาห์ก็ควรได้ครอบครองเหมือนของฝาก หากระบบการเปิดบัญชีง่ายเกินไป อาชญากรข้ามชาติก็จะเห็นไทยเป็น “จุดจอดชั่วคราว” สำหรับธุรกรรมผิดกฎหมาย
“ความเสี่ยงที่ไม่ใช่แค่ฟอกเงิน”
หลายคนอาจมองว่าปัญหาหลักคือการฟอกเงิน แต่จริง ๆ แล้ว การเปิดบัญชีโดยคนที่ไม่มีประวัติการพำนักระยะยาว ยังสร้างความเสี่ยงด้านอื่น เช่น การปั่นหุ้นผ่านบัญชีลับ การปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย การซ่อนทรัพย์ในคดีแพ่ง ฯลฯ ซึ่งยากต่อการติดตามหลังบุคคลเหล่านี้ออกนอกประเทศ
“การท่องเที่ยวควรเป็นแค่การเดินทาง ไม่ใช่การฝังราก”
คนที่เดินทางเข้ามาแบบชั่วคราว ควรใช้บริการการเงินที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยว เช่น บัตรเดบิตระหว่างประเทศ หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่ควรได้รับสิทธิเดียวกับคนที่ใช้ชีวิตในไทยจริงจัง เพราะระบบ KYC (รู้จักลูกค้า) ของธนาคารไทยยังไม่พร้อมรองรับข้อมูลต่างประเทศในระดับลึก
“ถ้าเปิดได้ทุกคน ระบบจะพังทุกวัน”
หากเปิดช่องให้นักท่องเที่ยวเปิดบัญชีง่ายเหมือนเปิดเบอร์มือถือ ระบบธนาคารไทยจะถูกใช้เป็นช่องทาง “เทและหนี” โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมไทย ระบบความปลอดภัยของการเงินชาติจะเหลือแค่เปลือก
ข้อเสนอที่ควรทำทันที
– จำกัดสิทธิ์การเปิดบัญชีเฉพาะผู้ถือวีซ่าพำนักระยะยาวหรือมีเอกสารรับรองถาวร
– ให้ธนาคารบันทึกข้อมูลหนังสือเดินทาง และการตรวจสอบกลับประเทศต้นทางก่อนอนุมัติ
– สร้างระบบกลางติดตามบัญชีของชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ผู้พำนักระยะยาว
– ใช้ AI และข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาร่วมคัดกรอง
ประเทศไทยควรต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ด้วยสมุดบัญชี เพราะหากไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจน สุดท้ายเราจะกลายเป็นประเทศที่ใครก็เข้ามา “ใช้” แต่ไม่มีใคร “ร่วมรับผิดชอบ” กับสิ่งที่กระทำทิ้งไว้
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#วีซ่านักท่องเที่ยว #นักท่องเที่ยวในไทย
#อาชญากรข้ามชาติ