บทวิเคราะห์การเมือง
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ปี 2569 กำลังจะกลายเป็นจุดตัดสำคัญของพรรคประชาชน ไม่ใช่แค่การทวงคืนเก้าอี้ แต่คือการกู้ศรัทธาที่เคยสั่นคลอนจากปัญหา “งูเห่า” และ “ส้มปลอม” ในอดีต
คำว่า “ส้มปลอม” กลายเป็นศัพท์การเมืองร่วมสมัย หมายถึงผู้สมัครหรือสมาชิกที่สวมเสื้อพรรคแต่ไม่ฝังรากอุดมการณ์ ยึดโยงกับอำนาจเดิม หรือพร้อมจะแปรพักตร์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เหล่านี้คือบทเรียนที่พรรคประชาชนไม่อาจมองข้าม หากยังต้องการรักษาฐานเสียงเมืองหลวงเอาไว้
ปัญหาภายใน: เติบโตไว แต่รากไม่ลึก
ปัญหาหลักของพรรคประชาชนในช่วงหลังไม่ใช่แค่การถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม หากแต่เป็นความเปราะบางภายในที่มาจากการคัดตัวบุคลากรอย่างเร่งรีบ ผู้สมัครบางรายเข้าสู่สนามเพราะภาพลักษณ์ แต่ขาดความเข้าใจแก่นของนโยบายก้าวหน้า เมื่อเจอกับแรงกดดันทางการเมือง ก็มักเปลี่ยนจุดยืนหรือหายจากแนวรบกลางทาง
กรุงเทพฯ: เมืองหลวงของความคาดหวัง
ผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แต่คือ “ตัวแทนทางวัฒนธรรมการเมือง” หากพรรคใดสามารถปลูกฝังความไว้วางใจผ่านผลงานในระดับเมืองได้ โอกาสบนเวทีประเทศก็อยู่ไม่ไกล พรรคประชาชนรู้ดีว่าชัยชนะใน กทม. ไม่ได้ซื้อได้ด้วยกระแส หากแต่ต้องมาด้วย “ความไว้วางใจที่ต่อเนื่อง” ซึ่งจะไม่มีวันเกิดขึ้น หากพรรคยังปล่อยให้ส้มปลอมเล็ดลอดเข้ามาอีกครั้ง
บทเรียนจากอดีต กับยุทธศาสตร์ใหม่
รอบนี้ พรรคประชาชนปรับวิธีคัดตัวผู้สมัครให้เข้มข้นขึ้น มีการประเมินทั้งจุดยืนทางอุดมการณ์ พฤติกรรมสาธารณะ และการยอมรับของพื้นที่ ผ่านทั้งกลไกภายในและสายตาของภาคประชาชน เป้าหมายคือการตัดวงจร “สีส้มภายนอก หัวใจสีเทา” ให้สิ้นซาก
จับตา: กรุงเทพฯ ปี 2569 ไม่ใช่แค่ศึกเมืองหลวง แต่คือสงครามจิตวิญญาณของพรรค
ศึกครั้งนี้ไม่ได้วัดกันที่จำนวนเก้าอี้เท่านั้น แต่คือการชี้ชะตาว่า พรรคประชาชนสามารถเปลี่ยนตัวเองจากพรรคกระแส เป็นพรรคสถาบันได้จริงหรือไม่ และสามารถเป็นพรรคของประชาชนได้ในระยะยาว—ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อ
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#พรรคประชาชน #พรรคส้ม #ด้อมส้ม