พรรคประชาธิปัตย์กำลังอยู่ในจุดชี้ขาดของประวัติศาสตร์ หลังจากความพ่ายแพ้ต่อเนื่องในหลายศึกเลือกตั้ง วันนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังหวนคืนสู่สมรภูมิอีกครั้ง พร้อมเปิดฉาก “สงครามครั้งสุดท้าย” ที่ไม่ได้เดิมพันเพียงตำแหน่งในสภา แต่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของผู้นำและความเชื่อมั่นที่เขายึดมั่นมาตลอดชีวิตการเมือง
“ จากอ๊อกซ์ฟอร์ดสู่ทำเนียบรัฐบาล “
• เกิดในครอบครัวนักวิชาการ เรียนที่ Eton College และ Oxford University
• อายุเพียง 27 ปีก็เป็น ส.ส. ด้วยภาพลักษณ์สะอาดทันสมัย ได้ฉายา “Tony Blair เมืองไทย”
• เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ในปี 2551 ขณะมีอายุเพียง 44 ปี หนึ่งในนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดของไทย
“ ช่วงเวลาบนเก้าอี้นายกฯ (2551–2554) “
เขาได้รับโจทย์ใหญ่คือการพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก 2008
• เศรษฐกิจ: มาตรการเช็คช่วยชาติ ฟื้นเศรษฐกิจเร็วเมื่อเทียบกับหลายประเทศ
• การศึกษา: นโยบายเรียนฟรี 15 ปี
• สังคม: ขยายระบบประกันสังคม ดูแลแรงงาน
• ต่างประเทศ: นำไทยเข้าสู่เวทีโลกด้วยภาพผู้นำที่พูดภาษาอังกฤษชัดเจน มีเหตุผล
แม้จะมีรอยแผลจากเหตุการณ์การเมืองปี 2553 แต่ผลงานด้านเศรษฐกิจและสังคมถูกยกให้เป็น “จุดแข็งที่สุด” ของรัฐบาลในเวลานั้น
“ ความพ่ายแพ้ที่ต้องเรียนรู้ “
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งปี 2554 พรรคประชาธิปัตย์กลับแพ้อย่างขาดลอย พรรคเพื่อไทยได้เกินครึ่ง ทั้งที่จริงแล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์มีผลงานด้านเศรษฐกิจและสังคมเด่นชัด แต่ การวางแผนหาเสียงที่ไม่ละเอียด ทำให้พรรคไม่สามารถเปลี่ยนผลงานเป็นคะแนนเสียงได้
ถัดมา ปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ยังคงพ่ายแพ้ แม้มีโอกาสเปิดตัวด้วยความหวังใหม่ แต่กลับขาดทิศทางและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ผลลัพธ์คือคะแนนร่วงลงอย่างหนัก
นี่คือบทเรียนสำคัญที่ทำให้วันนี้ “สงครามครั้งสุดท้าย” ต้องถูกวางแผนรัดกุมกว่าที่เคย
“ ยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อศึกสุดท้าย “
1. ลงรายละเอียดทุกเขตเลือกตั้ง
> ไม่ให้พลาดเหมือนปี 54 ที่ขาดความลึกในแผนการรบ
2. นโยบายที่คนเข้าถึงได้จริง
> ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่ต้องกระทบชีวิตคนโดยตรง
3. สื่อสารเข้ากับคนรุ่นใหม่
> ใช้ภาษาที่จริงใจและช่องทางใหม่ ไม่ติดกรอบพรรคอนุรักษ์นิยม
4. สร้างผู้นำท้องถิ่นรุ่นใหม่
> สร้างความเชื่อมั่นว่าพรรคยังมีอนาคต ไม่ใช่แค่พึ่งคนรุ่นเก่า
5. ยืนหยัดเป็นพรรคสมดุล
> ไม่เลือกข้างสุดโต่ง แต่เสนอเส้นทางการเมืองที่มั่นคงและยั่งยืน
“ ศึกแห่งศักดิ์ศรี “
นี่ไม่ใช่เพียงศึกเลือกตั้งอีกครั้ง แต่คือการพิสูจน์ว่า อภิสิทธิ์สามารถแก้ไขจุดอ่อนเดิม และวางยุทธศาสตร์ได้ดีกว่าครั้งใด ๆ
• หากทำได้ พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมามีพื้นที่สำคัญในการเมืองไทยอีกครั้ง
• หากล้มเหลว มันจะเป็นเพียงการยืนยันว่าพรรคที่เก่าแก่ที่สุดของไทยยังหาทางกลับมาไม่เจอ
บทสรุป
สงครามครั้งสุดท้าย ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงไม่ใช่การสู้เพื่ออำนาจ หากแต่เป็นการสู้เพื่อพิสูจน์ว่า เขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในปี 2554 และ 2562 และพร้อมจะแก้เกมด้วยยุทธศาสตร์ที่เฉียบคมกว่าที่เคย
_____________
#Newsthepoint
#อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #พรรคประชาธิปัตย์
#กู้วิกฤติปชป #หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์