นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง ความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า จนถึงขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังไม่ได้รับรอง ส.ส.แม้แต่รายเดียว ซึ่งรวมถึงนายพิธา เองด้วย ดังนั้นการเคลื่อนไหวของนายพิธา ที่ปฏิบัติตัวเสมือนนายกรัฐมนตรีนั้น ดูจะไม่เหมาะสม เพราะ กกต. อาจจะพิจารณาให้ใบเหลือง หรือใบแดง แก่ผู้สมัคร ส.ส.รายใดก็เป็นได้ การเป็นนายกรัฐมนตรีจึงต้องผ่านตามขั้นตอน ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ไม่ใช่ร้านอาหารอย่างที่เป็นข่าว
“เดินหาเสียงก็ว่าหนักแล้ว วันนี้ทำตัวเป็นนายกฯ ยิ่งหนักกว่า เพราะ กกต. ไม่ได้รับรอง คุณพิธา เป็น ส.ส.เลย หรือแม้แต่ ส.ส.รายอื่นแม้แต่รายเดียว ฉนั้นข่าวการจับมือตั้งรัฐบาล ได้เสียงเท่านั้น ไม่จริงครับ คนจะเป็นนายกฯ ต้องผ่าน สภาผู้แทน และวุฒิสภา ตาม รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ก่อน ไม่ใช่เป็นนายกฯจากากรอุปโลกน์ของกลุ่มใด หรือ ไปจับมือกินข้าว กับคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส. แถม คนที่ไปกิน ข้าวยังไม่มีใครได้เป็น ส.ส.สักคนเลยน่ะ แต่อุปโลกน์ว่าวันนี้เป็นนายกฯแล้ว มันไม่ใช่ครับ…”
นายสามารถ ย้ำถึงแผนกระเบื้องล่อหยก ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เห็นได้จากการที่นายพิธา ไม่มีคุณสมบัติ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากการถือหุ้นสื่อไอทีวีมาตั้งแต่เป็นผู้จัดการมรดก และถือต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1732 ผู้จัดการมรดกต้องจัดการตามทำหน้าที่ จัดการแสดง บัญชี และแบ่งปันมรดก ให้เสร็จภายใน 1 ปี คือตั้งแต่ปี 2549 แต่กลับใช้เวลาเนื่องนานเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเรื่องนี้มั่นใจว่า กกต.คงสืบค้นได้ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งตามข่าวล่าสุดนายสามารถ ย้ำชัดว่า นายพิธา ได้ขายหุ้นไอทีวีนี้ไปแล้ว เนื่องจากคาดหวังกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อจะได้ไม่ขัดคุณสมบัติ ตามมาตรา 98 (3)
“คุณพิธาขายหุ้นตัวนี้ทิ้ง แล้วจะไปบอกว่าวันที่เลือกนายกฯ ว่า ผมไม่มีหุ้นตัวนี้แล้ว เรื่องนี้ส่งให้ศาลวินิจฉัยแน่ครับ จะเข้าแผนกระเบื้องล่อหยก แล้วจะอ้างว่า ตัวเองถูกกลั่นแกล้งจากมรดกรัฐประหาร องค์กรอิสระ คนกลุ่มนี้พยายามจะหยิบโยง จะโจมตีรัฐบาลปัจจุบัน…!” นายสามารถ กล่าวทิ้งท้าย
