เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงลงพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง พร้อมกับ สส.ของพรรค เพื่อพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในขณะนี้ ว่า ต้องขอแสดงความห่วงใยประชาชนในพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งกําลังประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อย่างรุนแรง
จากการลงพื้นที่ ตนได้พบปะกับหน่วยงานหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ รพ.สต. ซึ่งต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่เองทํางานอย่างเต็มศักยภาพในแง่เชิงรับ มียาและเวชภัณฑ์เพียงพออยู่ แต่เสียงจากสาธารณสุขที่อยู่หน้างาน เรียกร้องมายังตน เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลว่า ต้องการทํางานเชิงรุก ทั้งรถฉุกเฉิน และการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ และอําเภอ ซึ่งรัฐบาลอาจจะให้การสนับสนุนในส่วนนี้ได้
ในสถานการณ์ภาพรวม ตนและเพื่อน สส.ได้ติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ก็พบว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกมาบริเวณภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างนั้น มีมากกว่าปกติ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนโยบายจัดการน้ำ สทนช. ก็ใช้วิธีการระบายลงคูคลองต่างๆ ก่อน จึงทําให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำหลายพื้นที่รู้สึกว่า มีน้ำท่วมเยอะกว่าปีก่อนๆ
ส่วนเรื่องเงินเยียวยา ก็ต้องบริหารจัดการให้ไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอย เนื่องจากในบางพื้นที่ล่าช้ากว่า 2 เดือน กว่าจะได้รับเงินเยียวยา 9,000 บาทหลังสถานการณ์ก็ผ่านไปแล้ว บางพื้นที่ก็ท่วมนานกว่าปกติ ตกลงแล้วมีเกณฑ์อย่างไร และควรเป็นหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลนําไปพิจารณา
นายณัฐพงษ์ กล่าวอธิบายว่า ไม่จม นอกจากจะทําให้บ้านไม่จมแล้ว คือจะทํายังไงให้เงินไม่จม เพราะประชาชนหลายคนสะท้อนกลับมาว่า เงินเยียวยา 9,000 บาท ไม่เพียงพอ
ไม่ซ้ำรอย ทั้งเรื่องการแจ้งเตือนที่ผ่านมา ซึ่งจะทํายังไงให้ประชาชนสามารถเก็บของได้ทัน รวมถึงกรณีน้ำไหลเข้าทุ่ง ซึ่งคนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำสะท้อนมาว่า เก็บเกี่ยวไม่ได้ ไม่ทัน ก็ควรทําให้เกิดการบริหารจัดการดีขึ้น
แม้ภาพใหญ่ในช่วง 4 เดือนนี้ ตนก็เข้าใจว่าทุกพรรคการเมืองอยากได้คะแนนเสียง จึงอยากส่งข้อเรียกร้องให้รัฐบาล ได้มีการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า อย่างชาญฉลาด
เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐบาลช่วงน้ำท่วมนี้ ถือว่าผ่านหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกไปว่า บางส่วนยังช้าอยู่ เช่น เงินเยียวยา หากลงพื้นที่จริงจะพบว่า หลายพื้นที่ท่วมมาหลายเดือนแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้สิ้นฤดูกาลค่อยมาจ่ายทีหลัง ก็สามารถจ่ายได้เลย
ส่วนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบระยะยาว ถ้าช่วยเหลือโดยตรงกับประชาชน เช่น การดีดบ้าน จากที่ประชาชนก็สะท้อนว่า ท่วมทุกปี มีนักการเมืองมาหาทุกปี แจกถุงยังชีพทุกปี จะให้เขาท่วมอยู่อย่างงี้ทุกปีใช่หรือไม่ ตกลงแล้วอะไรคือทางออก หากจะช่วยแล้ว ก็ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ นี่คือสิ่งที่ตนได้นำเสนอไปว่า ประชาชนอาจจะถูกขูดรีดจากผู้รับเหมาหรือไม่ เราจึงควรมีการจัดการอย่างเป็นระบบ
เมื่อเปรียบเทียบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กับรัฐบาลนางสาวแพทอง ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ภาพรวมในตอนนี้ต้องบอกว่า รัฐบาลนี้เพิ่งทําหน้าที่ได้ไม่นาน จึงเชื่อว่า เอาปัญหาเฉพาะหน้า ณ ตอนนี้ดีกว่า สิ่งที่ประชาชนส่งเสียงมาโดยตรงว่า การเยียวยายังช้าไปอยู่ จะทําอย่างไรให้เร็วขึ้น อย่างกรณีแนวชายแดน ซึ่งได้รับการเยียวยา ก็มีข่าวดี แต่อยากให้รัฐบาลเร่งจัดการหลักเกณฑ์ในพื้นที่น้ำท่วมให้สอดคล้องกับปัญหาที่ประชาชนได้เจอ
เมื่อถามถึงกรณีข้อวิจารณ์ว่า นายอนุทินลงพื้นที่ไม่มากพอ เช่น การเลือกไปวันเกิดนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด นั้น มีการตรวจสอบติดตามอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงมีภารกิจอย่างหลากหลาย การที่จะไปงานวันเกิดใครก็แล้วแต่ ก็อยู่ที่วิจารณญาณของนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อความเป็นธรรม ตนทราบว่านายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถลงพื้นที่น้ำท่วมได้ครบทุกพื้นที่ แต่สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คือผู้บริหารประเทศที่จะลงไปรับฟังปัญหาเขาอย่างครบถ้วนมากที่สุด ฟังปัญหาอย่างเดียวไม่พออยากให้เกิดการกระทําด้วย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนคาดหวังต่อจากนี้ คือมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจริงๆ
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#น้ำท่วม #นายกอนุทิน #เท้งณัฐพงษ์