เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สุจินดา คราประยูร หรือ บิ๊กสุ นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 01.57 น.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สิริอายุ 91 ปี 10 เดือน 4 วัน
สำหรับ พล.อ.สุจินดา เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2476 เข้าเรียนต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หลักสูตรเวสท์ปอยต์ รุ่นที่ 5 เป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่จากฟอร์ทซิลส์ (Fort Sill’s) รัฐโอคลาโฮม่า (Oklahoma) ประเทศสหรัฐอเมริกา สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 เป็นอันดับที่ 1 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกาจากฟอร์ดลีเวนเวิร์ธ (Fort Leavenworth)
ชีวิตรับราชการ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก้าวหน้าในหน้าที่ราชการตามลำดับ อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก เจ้ากรมยุทธการทหารบก ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ รองเสนาธิการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก
และในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2533 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแทน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งลาออกจากราชการ และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2534 ได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่งแทน พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งเกษียณอายุราชการ
พล.อ.สุจินดา นายทหารและนักการเมือง เคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองคือ รมว.กลาโหม และ นายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นหนึ่งใน สมาชิกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ทำรัฐประหารในปี 2534
ส่วนการทำงานราชการทหาร นั้น พลเอกสุจินดา เริ่มเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ได้รับพระราชทานยศ “ว่าที่ร้อยตรี ” เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2501 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 และก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ เช่น อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก เจ้ากรมยุทธการทหารบก
ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ รองเสนาธิการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก
และวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2533 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก จนเมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2534 จึงได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่ง ต่อจากพล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ที่เกษียณอายุราชการ เป็นต้น
ส่วนในเรื่องการทำงานทางการเมืองนั้น ถือได้ว่าพลเอกสุจินดา ต้องบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็ว่าได้ เพราะในช่วงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคือนายกรัฐมนตรีนั้น ได้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ เกิดขึ้น ซึ่งมีการสูญเสียชีวิตของนักประชาธิปไตยเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่านักเคลื่อนไหวทางการเมือง คงไม่มีวันลือมเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นก็คือ พฤษภาทมิฬ
เนื่องจากพลเอกสุจินดาเป็นบุคคลสำคัญในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่เข้ายึดอำนาจการปกครองจาก พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 จนกระทั่งหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคการเมือง 5 พรรค คือ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้ พลเอกสุจินดา เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น พรรคร่วม 5 พรรคประกาศสนับสนุน นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลง ข่าวว่า นายณรงค์ วงศ์วรรณ ติดบัญชีดำ ถูกห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพัวพันกับขบวนการค้าสารเสพติด
โดยพลเอกสุจินดา ได้รับรับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ พลเอกสุจินดาได้แต่งตั้งพลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาตน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดอาหารประท้วง และพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำการชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้พลเอกสุจินดา ลาออกเนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช.
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ หรือพฤษภาทมิฬ ขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเชิญสุจินดาและจำลอง เข้าพบและดำรับให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ปัญหา หลังจากนั้น พลเอกสุจินดา จึงลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยอิสระและเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง
โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 48 ของรัฐบาลสุจินดาจึงพ้นจากตำแหน่งไปตามวาระ
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#สุจินดาคราประยูร #นายกรัฐมนตรีคนที่19