เพจ AVBhealthystyle แชร์เรื่องเกี่ยวกับการตรวจฮฮร์โมนไว้อย่างน่าสนใจ
ฮอร์โมนเพศมีบทบาทสำคัญต่อทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไม่เพียงแต่ควบคุมเรื่องสมรรถภาพทางเพศหรือการสืบพันธุ์ แต่ยังมีผลต่อพลังงาน อารมณ์ กล้ามเนื้อ กระดูก ไปจนถึงสุขภาพโดยรวม หากฮอร์โมนไม่สมดุล อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การตรวจฮอร์โมนจึงเป็นหนึ่งในวิธีประเมินสุขภาพเชิงลึกที่ควรทำ โดยสามารถแบ่งออกเป็นฮอร์โมนที่ควรตรวจสำหรับผู้ชาย และสำหรับผู้หญิง ดังนี้
ฮอร์โมนเพศชายที่ควรตรวจ (แบบกระชับ)
1. Total Testosterone – ตรวจฮอร์โมนเพศชายหลัก บอกระดับฮอร์โมนรวมในร่างกาย
2. Free Testosterone – วัดฮอร์โมนที่ร่างกายใช้ได้จริง
3. LH (Luteinizing Hormone) – กระตุ้นการสร้างเทสโทสเตอโรน
4. FSH (Follicle Stimulating Hormone) – เกี่ยวข้องกับการสร้างอสุจิ
5. Prolactin – ถ้าสูง อาจยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย
6. Estradiol (E2) – ฮอร์โมนเพศหญิงในผู้ชาย ถ้าสูงเกิน อาจเกิดภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล
7. SHBG (Sex Hormone-Binding Globulin) – โปรตีนที่จับกับฮอร์โมนเพศชาย ส่งผลต่อระดับ Free T
ฮอร์โมนเพศหญิงที่ควรตรวจ (แบบกระชับ)
1. Estradiol (E2) – วัดระดับเอสโตรเจน บ่งชี้ภาวะวัยทอง/ฮอร์โมนต่ำ
2. Progesterone – ตรวจหลังไข่ตก วัดความพร้อมตั้งครรภ์
3. FSH / LH – วัดการทำงานของรังไข่ บอกภาวะไข่ตกหรือรังไข่เสื่อม
4. Testosterone – ถ้าสูง อาจเกี่ยวกับสิว ขนดก หรือ PCOS
5. Prolactin – ถ้าสูง อาจทำให้ประจำเดือนขาด หรือมีบุตรยาก
6. AMH (Anti-Müllerian Hormone) – บอกปริมาณไข่คงเหลือในรังไข่ ใช้ประเมินโอกาสมีบุตร
7. TSH / FT3 / FT4 – ตรวจไทรอยด์ เพราะส่งผลต่อรอบเดือนและฮอร์โมนเพศ
