เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอนเซอร์ทางการเมือง โพสต์ข้อความระบุว่า รัฐบาลอนุทิน มีศุภจีเป็นจุดเด่น ทำไมปล่อยให้มีธรรมนัส เป็นจุดอ่อน คำตอบอยู่ที่ “คณิตศาสตร์การเมือง”
คิดดูว่า แต่งตั้งธรรมนัส ซึ่งเป็น รมว.เกษตรไปเป็นแม่ทัพโหวกเหวกโวยวายสั่งการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ มันดูพิสดารและข้ามห้วย
จึงเกิดเป็นคำถามมากมายจากชาวบ้านว่ามีคนอย่างคุณศุภจีที่ทำให้รัฐบาลดูดีอยู่แล้วทำไมต้องมีจุดอ่อนธรรมนัสเอาไว้
นี่ถือเป็นกรณีศึกษาของโมเดลการเมืองไทยแบบ “ประนีประนอมเพื่อความอยู่รอด”
คุณศุภจีคือตัวแทนของ “ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ” ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ดึงดูดชนชั้นกลางและคนเมือง และเป็นเกราะป้องกันทางการเมือง เมื่อฝ่ายค้านจะโจมตีเรื่องความไร้ประสิทธิภาพ การมีคนทำงานเก่งจริงๆ ยืนอยู่แถวหน้า จะทำให้รัฐบาลมีความชอบธรรม ในการบริหารประเทศต่อไป
On the other hand ธรรมนัสในมุมมองสาธารณชน คือตัวแทนของ “การเมืองแบบเก่า” แต่ในมุมของคนจัดตั้งรัฐบาล เขาคือ “ความจำเป็น”
ธรรมนัสเป็นตำบลกระสุนตก เป็นจุดอ่อนแรกที่ฝ่ายค้านและสื่อมุ่งเป้าโจมตี ทั้งเรื่องความโปร่งใส ภาพลักษณ์สีเทา และประวัติในอดีต ซึ่งจะดึงเรตติ้งความน่าเชื่อถือของรัฐบาลให้ตกลงอย่างรวดเร็ว
การมีธรรมนัสอยู่ใน ครม. เดียวกับศุภจี ทำให้เกิดคำถามเรื่อง “มาตรฐานจริยธรรม” และทำให้นโยบายปราบปรามคอร์รัปชันดูไม่ศักดิ์สิทธิ์ทันที
คำถามสำคัญคือ ถ้ารู้ว่าเป็นจุดอ่อน ทำไม “รัฐบาลอนุทิน” ถึงต้องยอมแบกรับธรรมนัสเอาไว้?
คำตอบอยู่ที่ “คณิตศาสตร์การเมือง” และ “การแบ่งงานกันทำ”
เสถียรภาพของตัวเลข ส.ส.:
คุณศุภจี อาจจะเก่งบริหาร แต่ “ไม่มีมือในสภา” (ไม่มี ส.ส. ในสังกัด)
คุณธรรมนัส อาจจะภาพลักษณ์ไม่ดี แต่ “คุมเสียงในสภาได้” (มีกลุ่ม ส.ส. ในมือจำนวนมาก)
รัฐบาลจะอยู่รอดได้ต้องใช้เสียงโหวตผ่านกฎหมายและงบประมาณ อนุทินจึงจำเป็นต้องมี “ผู้จัดการรัฐบาล” ที่คุมเสียง ส.ส. ได้เด็ดขาด ซึ่งธรรมนัสเชี่ยวชาญเรื่องนี้ที่สุด
หน้าบ้าน ใช้คุณศุภจี ออกสื่อ พูดคุยกับนักลงทุน ต่างชาติ และแถลงนโยบายสวยหรู เพื่อตรึงศรัทธาสาธารณชน
หลังบ้าน (ผู้กองตุ๋ยเขาเก่งเรื่องหลังบ้าน) ใช้คุณธรรมนัส ดีลผลประโยชน์ เคลียร์ปัญหาระหว่างพรรคร่วม และรวบรวมเสียงโหวต เพื่อตรึงเสถียรภาพอำนาจ
กับยุทธศาสตร์ “หนามยอกเอาหนามบ่ง”:
นายกฯ อนุทินอาจมองว่า การเก็บธรรมนัสไว้ใกล้ตัว (Keep your enemies close) ปลอดภัยกว่าปล่อยให้ไปเป็นแกนนำฝ่ายค้านหรือไปจับมือกับขั้วอื่น การให้ตำแหน่งคือการผูกมัดให้ธรรมนัสต้องปกป้องรัฐบาล
สรุป
รัฐบาลรูปแบบนี้คือโมเดล “2 ขาที่ขัดแย้งแต่ขาดกันไม่ได้”
ถ้าขาด “ศุภจี” รัฐบาลจะล้มเหลวเรื่องการบริหารเศรษฐกิจและศรัทธาประชาชน แต่ถ้าขาด “ธรรมนัส” รัฐบาลจะล้มเหลวในสภาและอาจถูกโหวตคว่ำได้ง่ายๆ
ความท้าทายของคุณอนุทินในฐานะนายกฯ คือ “การบริหารความขัดแย้ง” ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ภาพลักษณ์สีเทาของธรรมนัส กลบแสงสว่างความสามารถของศุภจี จนพังกันไปทั้งกระดาน
_____________
ที่มา :
#Newsthepoint
#ศุภจี #ธรรมนัส #รัฐบาลอนุทิน
#เอ็ดดี้อัษฎางค์

