น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เห็นบางการสื่อสารจากคนที่ใช้คำนำหน้าว่า “นายแพทย์” แล้วก็ไม่สบายใจ เพราะเป็นอีกครั้งที่มีความพยายามผูกขาดความคิดความเชื่อเกี่ยวกับโรคภัย และการรักษาตัวซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ด้วยการเอาสถานะ“หมอ” มาข่มคนอื่น ทั้งที่ในความเป็นจริงการแพทย์มีหลายแนวทาง ทั้งแผนไทย แผนปัจจุบัน แพทย์ทางเลือก จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่า ในหมู่แพทย์เองทั่วโลกก็ยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน หมอทั่วไปคิดอย่าง หมอเฉพาะทางคิดอย่างและหมอการเมือง ก็คิดอีกอย่าง
.
ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปก็พิสูจน์ได้เอง ว่าคำพูดของใครเป็นคำพูดที่ถูกต้อง คำพูดใครที่เป็นการจินตนาการ บิดเบือน ปั่นกระแส แล้วสุดท้ายก็เงียบๆกันไป วิทยาศาสตร์ไม่โกหกใคร สุดท้ายอาจารย์แพทย์อาวุโสบางท่านโดนด่าฟรี มีแต่คนที่ใส่ใจข้อมูลข้อเท็จจริงเท่านั้น ที่จะจดจำได้ว่าท่านคิด พูด และทำถูกแล้ว เพียงแต่ไม่ถูกใจคนที่อยากทำลายกันด้วยเหตุผลต่างๆนานาเท่านั้น แม้แต่คนธรรมดาที่มีวิธีคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ก็ยังอธิบายสิ่งต่างๆได้ถูกต้องมากกว่าคนเป็นหมอที่ปิดสวิตช์ตรรกะชั่วคราว ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
.
ตามรายงานข่าววานนี้ หมอวาโยได้กล่าวว่า “ก่อนที่จะอ้างว่าจะเอากัญชามาใช้เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ จะต้องรู้ก่อนว่าวงการแพทย์ต้องการอะไร ขาดแคลนยา หรือวิธีการรักษาอะไร และกัญชาสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้จริงหรือไม่ หรือรักษาโรคอะไรได้บ้าง การจะตอบคำถามนี้ได้ คนตอบควรจะต้องเป็นหมอ และการจะเป็นหมอได้ก็ต้องไปเรียนหมอให้จบและสอบใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ผ่านทั้ง 3 ขั้นตอนก่อน”
.
ก่อนจะมี “หมอ” คนอื่นๆออกมาแสดงพฤติกรรมยกตนข่มท่านมากไปกว่านี้ ก็อยากชวนทบทวนข้อเท็จจริงว่า ในประเทศเรามีตำรับยาที่ชาวบ้านใช้รักษาตัวเองมานานหลายร้อยปีก่อนจะมีการกำหนดว่าแพทย์แผนปัจจุบันต้องมีใบประกอบวิชาชีพ แม้แต่กัญชาเองก็มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ในตำรับยาตำราหลวง และแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือกจำนวนมาก รวมถึงประชาชนที่รู้จักการใช้สมุนไพรรักษาตัว ก็ได้ใช้ประโยชน์จากพืชเหล่านั้นมาก่อนที่การแพทย์ตะวันตกและยาแผนปัจจุบันจะเข้ามาเป็นกระแสหลัก
.
ล่าสุดมีรายงานจากสหรัฐว่า จำนวนใบสั่งยาแก้อาการซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ และอาการชัก ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ในรัฐที่ได้ประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย ผลิตภัณฑ์กัญชามีผลต่อยอดจำหน่ายยา ส่งผลกระทบด้านธุรกิจต่อบริษัทยาที่เกี่ยวข้องอย่างมีนัยยะสำคัญ
.
ความคิดที่แตกต่างเกิดขึ้นได้ พูดคุยกันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ตัดอคติ และไม่ผูกขาดการแสดงความเห็นชี้นำสังคมด้วยการเอาสถานะใดๆมาข่มกัน จะดีกว่าค่ะ
.
