เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2567 ดร.โสภณ พรโชคชัย นักวิชาการด้านอสังหาริมทรัพย์ โพสต์ข้อความระบุว่า “ท๊อป จิรายุส – Topp Jirayut” บอกว่าสุขภาพดีไม่ต้องใช้เงิน แต่ตัวเองกลับใช้เงินซื้อสุขภาพปีละกว่า 5 ล้านบาท พร้อมทั้งคิดทำธุรกิจด้านสุขภาพ #จะรั่ว #ย้อนแย้ง
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ “ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดด้านสุขภาพและเทคโนโลยีการมีอายุยืนยาว หรือ Health & Longevity
แต่ก็มีเสียงเล่าลือว่า “บิทคับ” อาจขยายไลน์ธุรกิจ “StayGold” เพื่อดำเนินงานด้าน “ทางออกเพื่อการมีอายุยืนยาวแบบเฉพาะบุคคล” (Personalized Longevity Solution for You) ตามสโลแกนที่ระบุไว้ในเพจ StayGold
ขณะเดียวกัน “ท๊อป จิรายุส” ก็เปิดเผยในงานดังกล่าวว่า ตนเองได้ทุ่มเงินไปกว่า 5 ล้านบาทเพื่อซื้อเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอนที่ปรับอุณหภูมิให้เย็นเพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ โดยได้แนะนำอุปกรณ์อย่างน้อย 3 ชิ้น ได้แก่
- เครื่องสั่นช่วยสร้างซิกแพ็กบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเทียบเท่ากับการซิทอัพ 20,000 ครั้ง
- อุปกรณ์ดูแลสุขภาพในช่องปาก
- อุปกรณ์ Whoop
ไม่เพียงเท่านี้ “ท๊อป จิรายุส” ยังแนะนำ “6 พาวเวอร์” ที่จะทำให้สุขภาพดีและอายุยืนยาว ซึ่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โดยทั้ง 6 ข้อเป็นสิ่งที่ทำได้ฟรี ได้แก่
- การนอนหลับ ต้องให้เพียงพอ 8 ชั่วโมง
- การควบคุมอาหาร (ไดเอท)
- การออกกำลังกาย
- การดื่มน้ำ
- การมีสังคม (Community)
- สิ่งแวดล้อมที่ดี
พร้อมกันนี้ยังมีการแนบคำสัมภาษณ์ของ ท๊อป จิรายุส โดยเพจ TOOTSYREVIEW ได้โต้ตอบว่า สังคมที่ “ความเหลื่อมล้ำสูง” จะมีเพียง “อภิสิทธิ์ชน” เท่านั้นที่ได้ของฟรี ซึ่งเป็นคำวิจารณ์ถึงคำพูดของท๊อปว่า:
“บางข้อความมักถูกพูดโดยคนสวยหรือคนที่ประสบความสำเร็จ เพื่อนำมาสอนคนที่ยังดิ้นรนแต่ไปไม่ถึง ‘ของฟรี’ สำหรับบางคน อาจกลายเป็นของราคาแพง ต้องจ่ายด้วยต้นทุนชีวิต ซึ่งไม่ใช่ ‘ข้ออ้าง’ แต่คือข้อจำกัดของชีวิตคน
ที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน จ่ายมาก-น้อยต่างกัน ใช้ความพยายามต่างกัน การที่บางคนเอื้อมถึงทรัพยากรง่ายกว่า ไม่ได้หมายความว่า ‘สิ่งเหล่านั้นฟรี’”
นอกจากนี้ ดร.โสภณ ยังแนบบทวิเคราะห์ของเพจ “ลองวิเคราะห์ดู” ซึ่งวิจารณ์ท๊อป บิทคับในลักษณะเดียวกัน โดยสรุปไว้ตอนหนึ่งว่า
“แอดมองว่า คงเป็นมุมมองที่ต่างกัน ซึ่งหากมองจากเจตนาของคุณท๊อป ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาพยายามพูดถึงสุขภาพที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจ่าย และมันฟรีจริง ๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกับสถานบริการเพื่อสุขภาพ
แต่นั่นแหละ… สำหรับคนทั่วไปที่มองว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง ก็มักจะมองว่ามันไม่ฟรีตามที่พูด”
ทั้งนี้ ประเด็นนี้ถือเป็นอีกครั้งที่เกิดกระแสวิจารณ์อย่างดุเดือด ทั้งการเสียดสีเรื่องต้นทุนชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น และแนวคิดต่อต้านกลุ่มคนรวยที่มักทำคอนเทนต์สอนคนอื่น ทั้งที่สถานะของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
ก็…นะ
คนที่เกิดมารวยมันไม่ผิดอยู่แล้ว ดีด้วยซ้ำที่เกิดมาพร้อมทุกอย่าง ส่วนคนที่เกิดมาจนก็ไม่ผิดเช่นกัน แล้วแต่มุมมอง