เพจ AVBhealthystyle ได้โพสต์ถึงความสัมพันธ์ ของไตรกลีเซอไรด์ และ ไขมันพอกตับ ไว้อย่างน่าสนใจ
ไตรกลีเซอไรด์กับไขมันพอกตับเกี่ยวข้องกันโดยตรง เพราะ “ตับ” คือศูนย์กลางในการจัดการไขมันเกือบทั้งหมดของร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับพลังงานเกินความจำเป็น โดยเฉพาะจากคาร์โบไฮเดรตและแอลกอฮอล์ส่วนเกิน ตับจะเปลี่ยนส่วนเกินนั้นเป็นไตรกลีเซอไรด์ แล้วส่งไปเก็บไว้ในเนื้อตับและเซลล์ไขมัน เมื่อเกินขีดที่ตับรับได้ จึงเกิดภาวะไขมันพอกตับ
1. ตับคือโรงงานผลิตและเก็บไขมัน
ตับทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินเป็นไตรกลีเซอไรด์เพื่อเก็บไว้ในร่างกาย เมื่อพลังงานที่รับเข้ามามากกว่าที่ใช้ ไขมันจะเริ่มสะสมในตับจนเกิดภาวะ Fatty Liver แม้ในคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยก็ตาม
2. ไตรกลีเซอไรด์สูง = สัญญาณว่าตับเริ่มทำงานหนัก
ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดที่สูงมักสัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) เมื่อตับต้องจัดการน้ำตาลและไขมันพร้อมกันมากเกินไป มันจะสร้างไขมันใหม่ในตัวเองเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตับพองและเกิดภาวะไขมันพอกได้ง่าย
3. วงจรอันตราย: ไตรกลีเซอไรด์–ตับ–อักเสบ
ไขมันที่พอกในตับจะทำให้เซลล์ตับอักเสบ ตับที่อักเสบจะเผาผลาญไขมันได้แย่ลง ระดับไตรกลีเซอไรด์จึงสูงขึ้นอีก วงจรนี้ดำเนินต่อไปจนบางรายอาจพัฒนาเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ
4. วิธีลดไตรกลีเซอไรด์เพื่อตัดวงจรนี้
• ลดน้ำตาลและแป้งขัดสี เช่น น้ำหวาน ขนมปังขาว และเบเกอรี่
• เพิ่มไขมันดีจากพืช เช่น น้ำมันแฟลกซ์ น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด และน้ำมันงาขี้ม้อน
• ออกกำลังกายทั้งแอโรบิกและเวทเทรนนิ่งสม่ำเสมอ
• งดแอลกอฮอล์เด็ดขาด
• ตรวจค่าการทำงานของตับ (SGPT / ALT) ทุก 6 เดือน
ไตรกลีเซอไรด์สูงไม่ใช่เพียงตัวเลขในผลตรวจเลือด แต่คือสัญญาณว่าตับเริ่มสะสมไขมันและทำงานเกินกำลัง การปรับสมดุลอาหารโดยลดแป้งน้ำตาลและเพิ่มไขมันดีจากพืช เป็นวิธีที่ช่วยให้ตับกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง
References:
1. Health Canada, Dietary Fat, Triglycerides, and Liver Health (2022).
2. University of Bologna, Italy, Flaxseed Oil Supplementation and Hepatic Lipid Metabolism in NAFLD (2021)
https://s.lazada.co.th/s.ZaGVYk น้ำมันสกัดเย็น เพิ่มไขมันดีในร่างกาย ด้วยน้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันอโวคาโด

