วันที่ 23 ก.ค. นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อ new high 14,575 คน ผู้เสียชีวิต new high 114 คน (เสียใจด้วยครับ) ถึงเวลาที่ต้องรบกวนท่านนายก“เปลี่ยน/ปรับ” ทีมแก้ไขปัญหาวิกฤติโควิดใหม่ “ด่วน” เพราะสิ่งนี้พิสูจน์ว่าคณะทำงานหลักพันคนของผู้บริหารประเทศ และงบประมาณที่เทลงไปเป็นพันๆล้าน วิเคราะห์สถานการณ์สู้คน 4 คน ที่ใช้งบตัวเองหลักแสนบาทไม่ได้ มันแปลว่าวิกฤตินี้ป้องกันได้ แต่ไม่ทำ
.
ผมเอา timeline สิ่งที่ผมโพสต์ ซึ่งจริงๆก็ต้องให้เครดิตทีม data ที่ผมทำงานด้วย ที่ทีมนี้พยายามเสนอ “ผู้บริหาร” แต่ไม่มี “ผู้บริหาร” สนใจมาเล่าอีกที ธันวาคม 2563 เราเอา city data มา run ข้อมูล พร้อมข่าว “วงใน” บางอย่างจากชายแดนเขมร เราจึงเป็นคนแรกที่ออกมาเตือนถึง 2 รอบ ว่า “เล้านจ์” และ “เพศพานิชย์” จะทำเมืองแตกล่วงหน้าถึง 3 เดือนครึ่ง
.
พอต้นเมษายน 2564 เล้านจ์ก็แตกจริง โดยที่เราก็คาดได้ว่า แตกมาตั้งแต่ปลายมีนาคมแล้ว ต้นเดือนเมษายน เราเสนอให้ยุติการเดินทางฉลองสงกรานต์ ด้วยการเอา city data เหมือนเดิมมาจำลองการกระจายของเชื้อ แต่รัฐบาลเปิดท่องเที่ยวสงกรานต์จนเชื้อกระจายทั่ว 5 พฤษภาคม 2564 ผมเสนอการล็อคดาวน์เขต และทำโรงพยาบาลสนามท้องถิ่นด้วยวิธี community quarantine ใน Facebook หลังจากเสนอไปแล้วหลายที่ หลายองค์กร โดยตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักศูนย์พักคอย จึงไม่มีใครสนใจ
โดยที่วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ผมออกมาย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง
.
ต้นเดือนกรกฎาคม 2564 จึงพึ่งเกิด community quarantine ช้าจากที่เราเสนอไป 2 เดือนเต็ม 24 มิถุนายน 2564 ผมเสนอ “ล็อคดาวน์” ทันที เพราะเห็นข้อมูลหน้างานว่า “เมืองแตกแล้ว” แต่รัฐบาลกลับประกาศ 20 กรกฎาคม 2564 ช้าไป 1 เดือนเต็ม
.
การที่รัฐบาล หน่วยงานรัฐ พรรคการเมือง ตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆ ซ้ำๆ มันเหมือนว่ากลุ่มที่ตัดสินใจไม่ได้เห็นข้อมูลและไม่เข้าใจการทำ forecast แบบที่เอกชน + มหาวิทยาลัยอย่างเราทำ ขอเน้นว่าเอกชน + มหาวิทยาลัยนะครับ เพราะทีมที่ผมทำงานด้วยเป็นเอกชน ไม่ขอออกชื่อ ออกหน้า เพราะไม่อยากมายุ่งกับการเมือง
.
ปล.ตัวเลขถัดไปที่เรา forecast เมื่อ 19 กรกฎาคม 2564 คือการติดเชื้อ 30,000 คนต่อวัน และการเสียชีวิต 250-400 คนต่อวัน ขอให้เราคาดการณ์ผิดเป็นครั้งแรกครับ
.
