ศุภจี สุธรรมพันธุ์ อดีตผู้บริหารภาคเอกชนที่ได้รับการยอมรับในฐานะ “นักพลิกฟื้นองค์กร” ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยมีเป้าหมายในการนำเอาประสบการณ์เชิงกลยุทธ์จากภาคธุรกิจมาใช้ในการขับเคลื่อนการค้าไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ในช่วง 2 เดือนแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง (กันยายน – พฤศจิกายน 2568) รัฐมนตรีศุภจีได้เดินหน้าภารกิจอย่างเข้มข้น โดยเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างการดูแล “เศรษฐกิจปากท้อง” ภายในประเทศ และการขับเคลื่อน “การค้าระหว่างประเทศเชิงรุก” ซึ่งสามารถรวบรวมผลงานและกิจกรรมที่เกิดผลส่วนหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1.คืบหน้าการเจรจาการค้ากับสิงคโปร์
ศุภจี ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้าฯ สิงคโปร์ เพื่อขยายความร่วมมือทางการค้า โดยมีผลงานสำคัญคือ การเร่งรัดให้เกิด ข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้าข้าว เพื่อยกระดับการค้าข้าวไทยและความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพฤศจิกายน และการผลักดันการเจรจา ความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) ให้สำเร็จตามเป้าหมาย
2.ประชุมกับ AMCHAM ดัน “ครัวไทยสู่โลก” และการเป็นศูนย์กลาง Wellness Economy
ศุภจี ชูศักยภาพ “ครัวไทยสู่โลก” และสินค้าอาหารแห่งอนาคต ควบคู่ไปกับการเร่งเจรจา FTA ระดับสูงเพื่อขยายโอกาสทางการค้า พร้อมกันนี้ ยังได้มุ่ง ยกระดับความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ด้วยการตั้งเป้าสรุปกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (ROO) และปรับปรุงกฎหมาย IP เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากบัญชี Watchlist ได้สำเร็จ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทำงานแบบ “ทีมไทยแลนด์” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและตอกย้ำจุดยืนของไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนและห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าสูงในภูมิภาค
3.พบผู้บริหารระดับสูงของ Bank of America เพื่อหารือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
Bank of America ได้แสดงความยินดีสำหรับการเข้ารับตำแหน่ง และได้เสนอที่จะ ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในเชิงวิชาการ โดยใช้ประโยชน์จากหน่วยวิจัยระดับโลกของธนาคาร เพื่อสนับสนุนการทำงานและหารือประเด็นเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
4.ประชุมหารือทวิภาคี กับมาเลเซีย
ประชุมหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมมาเลเซีย (เตงกู ซาฟรุล) เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะใช้ศักยภาพด้านการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารของไทย (เช่น ยางพารา หอมแดง และปศุสัตว์) เพื่อ หนุนเสริมความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาคและโลก
โดยไทยและมาเลเซียยังเห็นชอบให้จัดประชุมคณะกรรมการร่วมการค้า (JTC) ต่อเนื่อง ซึ่งไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้ารวม 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570
5.ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOC) ด้านการค้าข้าว กับสิงคโปร์
ไทยตกลงขายข้าวให้รัฐบาลสิงคโปร์ในปริมาณสูงสุดไม่เกิน 1 แสนตัน ตลอดระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี (การซื้อขายเป็นไปตามราคาตลาดโลก) MOC นี้ถือเป็นความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลครั้งแรกด้านการค้าข้าว สะท้อนถึง ความน่าเชื่อถือและคุณภาพของข้าวไทย ในมิติความมั่นคงทางอาหาร เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ไทยก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security Hub) ของภูมิภาค
6.ไทย-เกาหลีใต้ เร่งเจรจา CEPA และยกระดับ AKFTA
ศุภจี หารือทวิภาคีกับนายยอ ฮัน-กู รมต.การค้าของเกาหลีใต้ เนื่องจากปัจจุบันไทยยังคงขาดดุลการค้ากับเกาหลีใต้ นางศุภจีจึงขอให้เกาหลีใต้นำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและบอร์ดพาร์ทิเคิล พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม คณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย – เกาหลีใต้ ครั้งที่ 13 ณ กรุงเทพฯ ในปีหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้า
7.ไทยเร่งผลักดัน FTA ไทย-เปรู สู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์
ศุภจี หารือทวิภาคีกับนางสาวเทเรซา เมรา รมว.การค้าและการท่องเที่ยวของเปรู เร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย–เปรู (FTA ไทย–เปรู) ฉบับสมบูรณ์ให้สามารถสรุปผลได้ภายใน ปี 2568 เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
8.ไทย-อินเดีย หารือกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและ FTA
ศุภจี หารือกับ นายนาเกช ซิงค์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ได้เสนอให้อินเดียสานต่อการเจรจาจัดทำ ความตกลงการค้าเสรีแบบครอบคลุม (Comprehensive FTA) ครอบคลุมทั้งสินค้า บริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
9.ไทย-แคนาดา กระชับความร่วมมือและเร่งผลักดัน FTA
ศุภจี หารือทวิภาคีกับเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำ ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-แคนาดา และให้การสนับสนุนการเจรจา FTA อาเซียน-แคนาดา (ACAFTA) ให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็วภายในปี 2569 ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการลดอุปสรรคทางการค้า และส่งเสริมการเป็นประตูการค้าระหว่างกัน
10.จับมือรัสเซีย เปิดตลาดใหม่! ดันท่องเที่ยว-การค้า-ลงทุน ถ่วงดุล “ภาษีสหรัฐฯ”
เปิดประตูความร่วมมือระดับทวิภาคีที่เข้มข้นขึ้น โดยรัฐมนตรีฯ ได้นำวิสัยทัศน์และประสบการณ์จากองค์กรระดับโลกมาใช้ในการ ขยายตลาดการค้าไทยเพื่อกระจายความเสี่ยงและค้นหาโอกาสใหม่ รัสเซียยังถูกมองว่าเป็นโอกาสสำคัญในการ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนระดับคุณภาพ โดยใช้มาตรการเชิงรุก เช่น Long Stay Visa และการส่งเสริมการใช้จ่ายระยะยาว เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยอย่างรวดเร็ว
11.หารือผู้นำเข้าข้าวไทยรายใหญ่สุดในสหรัฐฯ เร่งขยายตลาดและรับมือภาษีทรัมป์
นำคณะหารือกับ Mr. Royce A. Nicolaisen CEO บริษัท Otis McAllister, Inc. ผู้นำเข้าข้าวไทยรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โอกาสสำคัญในการ ยกระดับและขยายตลาดข้าวไทย ในสหรัฐฯ โดยผู้นำเข้ายืนยันยอดนำเข้าข้าวไทยในปี 2567 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 118,000 ตัน มูลค่ากว่า 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพสินค้าไทย กระทรวงพาณิชย์พร้อมทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษี และใช้ความร่วมมือกับ RICE HUB ผลักดันข้าวไทยหลากหลายพันธุ์สู่ตลาดโลก หวังปิดจบเจรจาช่วง ม.ค.-ก.พ. 2569
_____________
ที่มา https://www.moc.go.th/
#Newsthepoint
#ศุภจีสุธรรมพันธุ์ #ภาษีทรัมป์
#รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิช #รัฐบาลอนุทิน

