เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2568 “เนเน่” รัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี ระบุว่า
#โอกาสที่หาได้ยาก… วันก่อน เนเน่ได้มีโอกาสนั่งทานข้าวและพูดคุยสัพเพเหระกับท่านอดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน… ในวัย 94 ปี ท่านอานันท์แข็งแรง กระฉับกระเฉง ความคิดเฉียบคมจนน่าทึ่ง ท่านยังฝากความคิดถึงถึงคุณพ่อไตรรงค์อีกด้วย เพราะจริง ๆ แล้วทั้งสองท่านรู้จักและสนิทกันมาเนิ่นนาน ตั้งแต่สมัยที่ท่านอานันท์ยังเป็นทูตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนที่ท่านจะผันตัวมาเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีแบบ “คนนอก”
เป็นค่ำคืนที่บทสนทนาเข้มข้นยิ่งกว่าอาหาร เราคุยกันหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องขำขันไปจนถึงประเด็นจริงจัง ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในมิติที่ทุกคนบนโต๊ะมีความเห็นตรงกัน และบางประเด็นที่มีความเห็นต่าง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีเยี่ยม เพราะทุกคนพร้อมเปิดใจ พูดมุมมองของตนอย่างเคารพกันและกันค่ะ
หนึ่งในสิ่งที่ท่านอานันท์พูดแล้วเนเน่รู้สึกประทับใจ และตัดสินใจว่าอยากมาแชร์ให้ทุกคนฟังคือ ทักษะที่ผู้นำที่ดีควรมี คือ “ฟัง 2/3 และพูดแค่ 1/3” เพราะปัจจุบันเราเจอปัญหาของการ #ฟังแต่ไม่ได้ยิน ทำให้การตัดสินใจต่าง ๆ ขาดความเข้าถึง เข้าใจ (หรือในภาษาอังกฤษคือ Empathy) และสังคมไทยตกอยู่ในวังวนของ “คิดแบบเดิม ๆ ทำแบบเดิม ๆ และพลาดแบบเดิม ๆ” เพราะเราไม่มีการแบ่งปันแนวคิดที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งสุดท้ายทำให้ขาดการนำความคิดจากหลากหลายมิติมาประมวลรวมเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้ประเทศ
ฟังแล้วก็อดเห็นด้วยไม่ได้ จนต้องย้อนมาครุ่นคิดที่บ้านเลยค่ะว่า…
วันนี้ ตัวเราเอง รับฟังคนอื่นมากพอแล้วหรือยัง?
จริง ๆ แล้ว เมื่อครั้งที่เนเน่เรียนหลักสูตร Academy for Public Policy #APP1 #APPbyTDRI ทางผู้จัดก็ได้เรียนเชิญท่านอานันท์มาเป็นผู้บรรยายพิเศษ เนเน่ขอใช้โอกาสตรงนี้นำเนื้อหาที่คิดว่าน่าสนใจบางส่วนมาแชร์ด้วย…
ว่ากันด้วยเรื่องของ #ความหวัง ท่านอานันท์ย้ำว่าไม่อยากให้ประชาชนหมดหวัง เพราะการเปลี่ยนแปลง “ต้องเกิดขึ้นได้” ไม่ช้าก็เร็ว ถ้าคนในสังคมร่วมกันผลักดันสิ่งที่ถูกต้องต่อไป ระบบของไทยอาจมีปัญหาจริง แต่ย้ำว่าการเปลี่ยนแปลง ต้องเกิดขึ้นได้ หากคนรุ่นใหม่ไม่ย่อท้อ และผู้หลักผู้ใหญ่ “อดทน”
คำพูดนี้ของท่านอานันท์ทำให้นึกถึงคำกล่าวหนึ่งที่หลายที่ให้เครดิตว่าเป็นของ เอ็ดมันด์ เบิร์ก (Edmund Burke) นักปรัชญาและนักการเมืองชาวไอริชในศตวรรษที่ 18:
“ปัจจัยหนึ่งเดียวสู่ชัยชนะของความชั่วร้าย คือการที่คนดีอยู่นิ่งเฉย ไม่ทำอะไร”
(แปลจาก “The only thing necessary for the triumph of evil is for good men to do nothing”)
ท่านอานันท์ยังให้ 3 คำแนะนำต่อพรรคการเมืองและคนรุ่นใหม่ไว้ดังนี้…
1. #มีสติและเลือกเวลาที่เหมาะสม บางเรื่องควรค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักดิบ ต้องไม่กระทบความเชื่อของสังคมเกินไป
2. #อย่าฝันถึงอัศวินม้าขาว การเปลี่ยนแปลงไม่ควรฝากไว้กับคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องสร้างระบบ สถาบัน และคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจำนวนมาก
3. #ลงมือทำอย่างเป็นระบบ สร้างทีม ฐานความรู้ เลือกคนที่เหมาะสม ใช้ผู้เชี่ยวชาญ วางระบบให้หนุนกัน พรรคการเมืองที่อยากสำเร็จต้องมีระบบคัดสรรคน (Recruiting) ทำงานเป็นทีม และสื่อสารเชิงนโยบายที่จับต้องได้ (Public Policy Communication)
เนเน่นำมาแชร์เพราะเห็นว่าเป็นข้อแนะนำที่ดี ใครก็ตามที่ทำตามนี้ ไม่ว่าพรรคไหน สีไหน ประโยชน์ที่จะได้ล้วนเป็นของคนไทยทั้งประเทศ…
ภาพจำของคนไทยตอนนี้คือนักการเมือง “คนรุ่นใหม่” รวมตัวกันอยู่ที่พรรคหนึ่ง แต่ขอชวนถอยออกมาสักก้าว แล้วคุณจะเห็นว่า…
นักการเมืองคนรุ่นใหม่ จริง ๆ แล้วกระจายอยู่หลายที่ หลายพรรค ทำหลายบทบาท พรรค “รวมไทยสร้างชาติ” เองก็มีคนดี คนเก่ง คนไฟแรงอยู่เยอะนะคะ
ขอแรงเชียร์ แรงใจ ให้คนรุ่นใหม่ ที่มีใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้เดินหน้าต่อ ได้ทำงานเพื่อคนไทยต่อไปด้วยนะคะ
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#เนเน่รัดเกล้า #รัดเกล้าสุวรรณคีรี #นายกอานันท์ #อานันท์ปันยารชุน