นายวิทยา แก้วภราดัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรไทย (รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร) กรรมการในคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตประธานวิปรัฐบาล และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ประวัติ
วิทยา แก้วภราดัย ชื่อเล่น น้อย เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2498 สมรสกับคุณจิระประไพ แก้วภราดัย มีบุตรชาย ชื่อพูน แก้วภราดัย และบุตรสาวชื่อ ปานระพี แก้วภราดัย
ด้านการศึกษา สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งขณะเรียนปี 4 คุณวิทยาเป็นหนึ่งในนิสิตที่เข้าร่วมการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ขาในเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 จนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 เดือน และต้องพักฟื้นที่บ้านอีก 7-8 เดือน จึงสามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติ ก่อนที่จะกลับเข้าไปเรียนต่อจนสำเร็จการศึกษา
หลังจากสำเร็จการศึกษา คุณวิทยา ได้ประกอบอาชีพเป็นทนายความก่อนที่จะเข้าเส้นทางการเมือง โดยคุณวิทยาได้เข้าไปเป็นหนึ่งในทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช ยาวนานถึง 8 สมัย
นอกจากนี้ คุณวิทยา ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ. 2537-2538 และเป็นประธานคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ปี พ.ศ. 2538-2539 อีกด้วย
ภายหลังการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2550 และมีการจัดตั้งรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช จากพรรคพลังประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวได้ประกาศจัดตั้ง รัฐบาลเงา หรือ ครม.เงา ขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 และ วิทยา แก้วภราดัย ได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรค ให้ทำหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเงา
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2551 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามข้อบังคับของพรรค และคุณวิทยา ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคใต้
ในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 วิทยา แก้วภราดัย ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต่อมาเขาได้ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ กรณีทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ไปรับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาล
ต่อมาในช่วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 วิทยาได้ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตในพื้นที่ 3 จังหวัด และส่งปานระพี บุตรสาวคนที่สอง ลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 121 อีกด้วย
แต่ในการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 คุณวิทยาไม่ได้รับเลือกตั้ง กระทั่งวันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ.2565 คุณวิทยาได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ผ่านทางเจ้าหน้าที่ของพรรค และต่อมาคุณวิทยาได้เข้ามาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 วิทยา แก้วภราดัย ได้ลงสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อสังกัด รวมไทยสร้างชาติ ลำดับที่ 7 และสนับสนุนให้พูน แก้วภราดัย บุตรชายลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 1 ในสังกัดพรรคเดียวกันด้วย
วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง แข่งกับปดิพัทธ์ สันติภา จากพรรคก้าวไกล ทำให้ต้องมีการลงคะแนนลับ เพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตามข้อบังคับการประชุมภา 2562 ข้อที่ 6
นอกจากนี้ในวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 วิทยาเป็นหนึ่งใน 9 สส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรค และเข้าเป็นหนึ่งในแกนนำกปปส. โดยมีบทบาทเป็นแกนนำผู้ชุมนุมเมื่อเข้ายึดกระทรวงการคลัง และเป็นแกนนำของเวทีชุมนุมที่แยกศาลาแดงและสวนลุมพินี
ซึ่งในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 จากการชุมนุมในครั้งนั้น ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 43 คน ผู้ต้องหาคดีกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา เพื่อติดตามตัวมาดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย โดยวิทยาเป็นผู้ต้องหาหมายเลขที่ 6
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#วิทยาแก้วภราดัย #รวมไทยสร้างชาติ
#รัฐบาลเพื่อไทย