โดย ทีมวิเคราะห์การเมือง
ทำไม “20 บาททุกสาย” คือเดิมพันทางการเมือง
พรรคเพื่อไทย (พท.) รู้ดีว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่พื้นที่ที่พรรคครองเสียงได้ง่าย การเลือกตั้งทุกครั้งสะท้อนภาพซ้ำ ๆ ว่า พรรคเจาะฐานเสียงในเมืองหลวงได้จำกัด ขณะที่คู่แข่งใหม่อย่างพรรคก้าวไกลกลับขยายอิทธิพลได้ต่อเนื่อง
ในบริบทนี้ นโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” จึงไม่ได้เป็นเพียงนโยบายด้านคมนาคม แต่คือ นโยบายเชิงสัญลักษณ์ ที่จะพิสูจน์ว่าพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ปัญหาปากท้องของคนเมืองได้จริง ไม่ใช่แค่ต่างจังหวัด หากทำสำเร็จ จะเปลี่ยนเกมในสนาม กทม. อย่างสิ้นเชิง
“ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน”
ค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS และ MRT ในปัจจุบันถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของคนทำงาน หากต้องเดินทางหลายต่อ ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งเกิน 100 บาทต่อวัน การลดค่าโดยสารเหลือ 20 บาทตลอดสายจะช่วยลดภาระรายเดือนของคนเมืองได้ทันทีหลายพันบาท
นโยบายนี้จึงเป็น “Big Policy” ที่ประชาชนรู้สึกได้ในชีวิตประจำวัน ต่างจากนโยบายเชิงโครงสร้างที่ผลลัพธ์ใช้เวลานานกว่าจะเห็น
ความท้าทายใหญ่ “เงินและสัญญา”
อย่างไรก็ดี ความท้าทายสำคัญคือ ต้นทุนการอุดหนุนและข้อผูกพันสัญญาสัมปทาน
• ภาระงบประมาณ: การอุดหนุนค่าโดยสารจะต้องใช้งบหลายหมื่นล้านบาทต่อปี หากไม่มีแผนการเงินที่โปร่งใส อาจถูกโจมตีว่าคือการใช้ “ประชานิยมแบบไม่ยั่งยืน”
• ข้อผูกพันสัญญา: รถไฟฟ้าหลายเส้นอยู่ในการบริหารของเอกชน เช่น BTS และ BEM การปรับลดค่าโดยสารต้องผ่านการเจรจา อาจนำไปสู่การชดเชยหรือการซื้อสัญญาคืน ซึ่งซับซ้อนและเสี่ยงต่อข้อพิพาททางกฎหมาย
• โครงสร้างหนี้ของ กทม. และ รฟม.: ปัญหาหนี้สะสมจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอาจยิ่งกดดันหากต้องเพิ่มภาระอุดหนุน
“ความเสี่ยงทางการเมือง”
ถ้าเพื่อไทยเดินหน้าโครงการนี้แต่ ทำไม่สำเร็จ จะเสี่ยงสูงที่จะถูกตราหน้าว่า “ขายฝัน” และอาจสูญเสียความน่าเชื่อถือใน กทม. ไปอีกยาวนาน โดยเฉพาะเมื่อฐานคะแนนคนเมืองหันไปพรรคคู่แข่งอยู่แล้ว
แต่ถ้าสามารถ “ปลดล็อก” และทำได้จริง จะกลายเป็น ชัยชนะเชิงภาพลักษณ์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพรรคในรอบทศวรรษ และอาจสร้างฐานเสียงใหม่ในเมืองหลวงได้
ทางเลือกที่ “พรรคเพื่อไทย” ต้องตัดสินใจ
1. แหล่งเงินอุดหนุนที่ชัดเจน – เสนอโมเดลการเงิน เช่น ภาษีมลพิษ ภาษีจากน้ำมันเชื้อเพลิง หรืองบประมาณเฉพาะกิจ เพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจว่านโยบายนี้ “ทำได้จริง” ไม่ใช่แค่สโลแกน
2. การเจรจากับเอกชน – ต้องใช้ศักยภาพทางการเมืองและกฎหมายสูงในการเจรจาลดค่าโดยสาร หรือออกแบบโครงการร่วมลงทุน (PPP) แบบใหม่
3. การสื่อสารเชิงรุก – พรรคควรสื่อสารว่า นี่คือ นโยบายเพื่อความเท่าเทียม ให้คนชั้นกลาง–ล่างสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ ไม่ใช่แค่ “ประชานิยม”
“บทสรุป”
โครงการ “รถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย” จึงไม่ใช่แค่เรื่องนโยบายขนส่ง แต่คือ เดิมพันเชิงอยู่รอดทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในกรุงเทพฯ
• ถ้าทำสำเร็จ: พรรคจะได้ “กุญแจเมืองหลวง” และภาพลักษณ์ของพรรคที่แก้ปัญหาคนเมืองได้จริง
• ถ้าทำไม่สำเร็จ: อาจเป็น “จุดจบทางการเมือง” ของพรรคใน กทม. เพราะจะตอกย้ำภาพลักษณ์พรรคเก่า ไม่สามารถตอบโจทย์คนเมืองได้
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย #รัฐบาลเพื่อไทย
#คมนาคม