ในโลกการเมืองไทย เรามักเห็นปรากฏการณ์หนึ่งที่วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือการมี “บริวาร” ที่พร้อมจะปกป้องผู้นำอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จนถึงขั้นถูกเรียกว่า “ขี้ข้าหวงนาย” การกระทำแบบนี้อาจสร้างความมั่นคงชั่วคราว แต่ในระยะยาวกลับเป็น บ่วงที่ฉุดรั้งพรรค ไม่ให้เดินหน้าไปสู่ความยิ่งใหญ่
1. ภาพลักษณ์ที่ปิดกั้น
เมื่อคนรอบตัวหัวหน้าพรรคทำหน้าที่เสมือน “เกราะกำบัง” คอยกันเสียงวิจารณ์หรือข้อเสนอใหม่ ๆ พรรคย่อมสูญเสียความสามารถในการรับฟังสังคม นั่นหมายความว่า พรรคอนุรักษ์นิยมจะถูกมองว่าเป็นพรรคของคนกลุ่มเล็ก ๆ ไม่ใช่พรรคที่เปิดกว้างสำหรับประชาชนทั้งประเทศ
2. การเมืองที่ขาดนวัตกรรม
การเมืองในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้แข่งขันกันที่การ “รักษาอำนาจ” เพียงอย่างเดียว แต่แข่งกันที่ ไอเดียใหม่ ๆ และนโยบายที่ทันต่อโลก หากบริวารเอาแต่ปกป้องเจ้านาย ไม่ให้เสียงที่แตกต่างดังขึ้น พรรคจะกลายเป็นเพียง องค์กรที่วนเวียนกับความคิดเก่า ๆ และไม่สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้
3. ความเสื่อมศรัทธาในสายตาประชาชน
ประชาชนไม่ได้มองเพียงนโยบาย แต่ยังมอง วัฒนธรรมทางการเมือง ของพรรค หากเห็นว่าพรรคเต็มไปด้วยพฤติกรรม “ประจบสอพลอ” และไม่กล้าวิจารณ์ผู้นำ ความเชื่อมั่นจะค่อย ๆ สึกกร่อนลง ในที่สุดก็จะเกิดภาพลักษณ์ว่า พรรคนี้มีไว้เพื่อปกป้องคนไม่กี่คน ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ
4. ไปไม่ถึงดวงดาว
สุดท้ายแล้ว พฤติกรรม “ขี้ข้าหวงนาย” อาจทำให้พรรคอนุรักษ์นิยมดูมั่นคงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวกลับกลายเป็น อุปสรรคใหญ่หลวง ที่ฉุดไม่ให้ก้าวสู่การเป็นพรรคที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง พรรคอาจ “อยู่ได้” แต่ไม่มีวัน “ไปถึงดวงดาว” เพราะขาดหัวใจสำคัญคือ การเปิดรับการเปลี่ยนแปลงและการวิพากษ์ตรวจสอบจากสังคม
กล่าวโดยสรุปคือ การเมืองสมัยใหม่ไม่ต้องการ “ขี้ข้าหวงนาย” แต่ต้องการ “นักการเมืองที่กล้าวิจารณ์และกล้าปรับตัว” หากพรรคอนุรักษ์นิยมยังไม่เปลี่ยน พวกเขาอาจอยู่รอดได้แค่ชื่อ แต่จะไม่มีวันสร้างความยิ่งใหญ่ได้อีกเลย
วิเคราะห์โดยทีมข่าวการเมือง ร่วมกับ AI
_____________
#Newsthepoint
#ขี้ข้าหวงนาย #นักการเมืองไทย
#พรรคอนุรักษ์นิยม