‘เต้น’สุดภูมิใจ!!จากถูกตราหน้า’ไอ้ควายแดง’วันนี้เนื้อหอมสุด โวหลายพรรครุมจีบ ชี้’เพื่อไทย’ชวนกลับมาจับมือทำถูกแล้ว

0
213

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ และอดีตแกนนำนปช. โพสต์ข้อความระบุว่า ผมเห็นบางสื่อมวลชนเขาวิเคราะห์ว่า นี่เป็นการเปิดเกมของนางพญาเสื้อแดง แล้วก็เปิดฉากคนแบบณัฐวุฒิ แบบจตุพร วิเคราะห์กันว่ามันจะไม่มีแล้วแกนนำแบบสมัยก่อน ทำนองนี้ คือต้องพูดกันชัด ๆ ตรงนี้นะครับ ว่าสำหรับผมนะ การเดินทางทางการเมืองของคนเสื้อแดง จะเดินไปข้างหน้าในทิศทางใดโดยไม่ได้มีองค์กรนำแบบนปช.คอยขับเคลื่อนอยู่ และผมรู้สึกสูญเสียหรือไม่? ผมไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย ผมจะรู้สึกสูญเสียก็ต่อเมื่อผมคิดว่าผมเป็นเจ้าของ ซึ่งไม่ใช่!
.
ผมก็เป็นเพียงคนเสื้อแดงคนหนึ่ง เริ่มสู้มาด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน เพียงแต่ว่าผมเป็นนักการเมือง สังกัดพรรคการเมืองที่ถูกรัฐประหารคือ “ไทยรักไทย” แล้วพอดี พอมีความสามารถเรื่องพูดจาปราศรัยอยู่บ้าง พูดจาพอฟังได้ จับกลุ่มกับเพื่อนมิตร ยืนยันหลักการประชาธิปไตยด้วยกัน ก็เลยสู้มา แล้วก็เติบโตล้มลุกคลุกคลานมาพร้อมๆ กับคนเสื้อแดง ผมไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองแบบการต่อสู้จากเหตุการณ์ใดมาก่อน 14ตุลาก็เกิดไม่ทัน พฤษภา35ก็ยังเรียน ม.5 อยู่นครศรีธรรมราช ดังนั้น ผมนับหนึ่งพร้อมกับคนเสื้อแดงเมื่อหลังการรัฐประหาร 2549
.
เมื่อเหตุการณ์เดินมาถึงวันนี้ องค์กรนำของนปช.มันมีปัญหาเรื่องหลักการภายใน ไม่ดำรงสภาพขับเคลื่อนอีกต่อไป แต่ว่าคนเสื้อแดงต้องไปต่อ การต่อสู้ทางการเมืองต้องไปต่อ ดังนั้นพรรคการเมืองแต่ละพรรคเมื่อเขาหันมาเห็นพลังนี้ เขาก็อยากที่จะชวนพลังนี้เข้าไปร่วมแนวทาง ร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิทธิ์ที่ทุกพรรคทำได้ พรรคเพื่อไทยเขาประกาศชวนคนเสื้อแดงกลับมาจับมือ กลับมาสู้ด้วยกันใหม่ เขาก็พูดถูกของเขานะครับ เพราะว่าในความเป็นจริงมันสู้ด้วยกันมาตลอดสิบกว่าปี ในทุกย่างก้าวของคนเสื้อแดงก็สัมพันธ์กับย่างก้าวของในการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
.
ในขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ หรือใด ๆ ก็ตาม ถ้าเขาอยากจะสื่อสารกับคนเสื้อแดง อยากจะชวนพลังนี้ไปมีส่วนร่วมในทางการเมืองกับพรรคเหล่านั้นด้วย ผมก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ไปหวงห้ามทักท้วงเขาก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าถึงที่สุดคนเสื้อแดงจะเป็นคนตัดสินใจ
.
สิ่งที่ผมนอกจากไม่รู้สึกสูญเสียแล้ว เป็นความภูมิใจของผมก็คือว่า วันนี้เราเดินมาถึงจุดที่คนเสื้อแดงเนื้อหอมขนาดที่ทุกพรรคการเมืองของฝ่ายประชาธิปไตยเรียกหา คนเสื้อแดงเนื้อหอมขนาดที่ทุกพรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตยเห็นว่าเป็นพลังที่มีคุณค่า อยากที่จะชวนไปร่วมงานด้วย
.
อย่างไรก็ตามนะครับ ช่วงเวลาของการเลือกตั้งมันยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นผมคิดว่าพลังของคนเสื้อแดง นอกเหนือจากการรับรู้สัญญาณจากทุกพรรคแนวร่วมว่าอยากจะร่วมพลังกันด้วย พลังของคนเสื้อแดงยังอยากรู้ต่อว่า ถ้าเดินไปทางไหนแล้วจะไปไหนกัน ถ้าเดินไปกับพรรคเพื่อไทยเราจะไปไหนกันต่อ เดินไปกับก้าวไกล กับประชาชาติ กับเสรีรวมไทย กับต่าง ๆ เราจะไปไหนกันต่อ ซึ่งก็เป็นการบ้านให้แต่ละพรรคนั่นแหละครับ ในการที่จะต้องมีคำตอบ มีคำอธิบาย เพราะเวลาจะกา เวลาจะตัดสินใจนี่ ถ้าสุดทางนี่อีกเกือบปีนะครับ ถ้ามันเกิดเปลี่ยนแปลงกันเสียก่อน ก็นับเวลาเป็นหลักเดือน
.
ดังนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องคิด พรรคการเมืองก็ต้องคิด ฝ่ายคนเสื้อแดงก็ต้องคิด แต่ว่าพอมาถึงจุดนี้มันพิสูจน์ยืนยันได้อย่างหนึ่ง ว่าคนเสื้อแดงต่อสู้กันมา เอาล่ะครับ ในการกระทำ ในกระบวนการขับเคลื่อนมันมีทั้งถูกทั้งไม่ถูก มันไม่มีกระบวนการต่อสู้ไหนสมบูรณ์แบบ แต่หลักยืนมันถูกแน่ ๆ ผมยืนยัน เพราะว่าถ้าหลักยืนไม่ถูก จะไม่สามารถยืนมาได้จน 15 ปีเหมือนวันนี้ และจะไม่สามารถยืนมาได้จนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทุกพรรคต้องยื่นมือมาหา ไม่ใช่มายื่นมือหาผม หาคนที่เรียกว่าแกนนำนะครับ แต่ยื่นมือมาหาพลังที่เรียกว่าคนเสื้อแดง ซึ่งผมคิดว่านี่แหละครับยิ่งใหญ่กว่า
.
คือผมพูดมาตลอดทุกการปราศรัยทุกการสัมภาษณ์ในประเด็นนี้ ว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่มันจะเดินถูกทาง มันต้องเดินแล้วประชาชนใหญ่ขึ้นนะครับ แล้วแกนนำเล็กลง ขบวนการต่อสู้ใดที่อ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยแต่เดินแล้วแกนนำใหญ่ขึ้น ๆ ใหญ่จนแตะต้องไม่ได้ แล้วประชาชนเล็กลง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ผมว่าเดินผิดทาง
.
ทีนี้ขบวนการคนเสื้อแดง ไม่ได้พูดเข้าข้างพี่น้องที่ร่วมสู้กันมานะครับ แต่ผมว่าผมเห็นภาพนี้ คือแกนนำล้มหายตายจากไปก็มี ขายจิตวิญญาณไปก็มี เหยียบย่ำหัวใจพี่น้องที่ต่อสู้ไปด้วยกันก็มี หรือยังคงดำรงอยู่ แต่ว่าในสถานการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้บทบาทหรือสถานะของตัวเองที่อยู่ในขบวนมันแตกต่างออกไป แต่ว่าสำหรับประชาชนแข็งแกร่งขึ้นตลอดมา ผ่านความเจ็บปวด ผ่านความสูญเสียมามากมาย แต่ว่าขึ้นชื่อว่าคนเสื้อแดงวันนี้ มันถูกพิสูจน์ทราบในหลายมุมแล้วว่า หลักการที่สู้มันถูก
.
แล้วสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดกันตั้งแต่ปี 49, 50 ไปเปิดเทปย้อนดูมันยังใช้ได้ในวันปัจจุบัน มันไม่เหมือนขบวนการต่อสู้ของอีกฝ่ายหนึ่งนะ ที่ถ้าไปเปิดเทปย้อนดูตั้งแต่วันแรก ๆ ที่สู้ วันปัจจุบันนี่บางคนอยากเอาปี๊บคลุมหัวด้วยซ้ำไปนะครับ ว่าพูดไปแบบนั้นได้ยังไง ยกเว้นคนที่สุดโต่งจริง ๆ ก็ดันกันไป
.
ดังนั้น ผมก็คิดว่าอะไรที่มันจะเป็นการสื่อสารของพรรคการเมืองสู่ประชาชน โดยเฉพาะคนเสื้อแดง มันเป็นเวทีของทุกพรรค เป็นสิทธิ์โดยชอบ ส่วนการตัดสินใจของคนเสื้อแดงก็เป็นสิทธิ์โดยชอบเหมือนกัน ก็มีสิทธิ์เชียร์กัน มีสิทธิ์เชิญชวนกัน มีสิทธิ์อธิบายเหตุผล มีสิทธิ์อธิบายประวัติศาสตร์ มีสิทธิ์อธิบายอนาคตด้วยกันนั่นแหละ นี่คือวิถีของฝ่ายประชาธิปไตย!
.
แล้วสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง ซึ่งผมติดตามและผมเห็นว่าเป็นสัญญาณที่ดีก็คือ เราดูสิ่งที่เกิดขึ้นวันที่พรรคเพื่อไทยประกาศรับคุณบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เข้ามาแล้วประกาศว่าเป็นว่าที่ผู้สมัคร มีปฏิกิริยาทันทีนะครับ แล้วคนที่แสดงปฏิกิริยาแทบ 100% เท่าที่ผมรู้จัก เสื้อแดงทั้งนั้น แล้วพรรคเพื่อไทยก็ต้องกลับลำเหมือนกัน คุณบุญจงก็ประกาศถอนตัว นี่มันก็เป็นสัญญาณว่าคนเสื้อแดงไม่ง่ายนะครับ เป็นคนเรียบ ๆ พื้น ๆ แต่ไม่ใช่อะไรก็ได้ แล้วพรรคการเมืองแบบพรรคเพื่อไทยเขาก็รับฟังเร็ว เขาก็กลับตัวทันที นี่ก็เป็นสัญญาว่าเออ! ประชาชนก็ส่งเสียงได้ พรรคการเมืองก็รับฟังได้ กลับตัวได้
.
ฉันใดฉันนั้นเช่นเดียวกัน ถ้ามันเกิดขึ้นกับพรรคอื่น แล้วคนเสื้อแดงเขาทักท้วง แต่ละพรรคเขาก็คงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีกลับออกมา ก็ต้องตามดูกันต่อไปนะครับ ผมคิดว่าสิ่งที่กำลังเป็น ถ้าใครเป็นคนเสื้อแดงที่เคยต่อสู้ด้วยกันมา ถึงที่สุดอาจจะเลือกยืนคนละพรรค เป็นไปได้เพราะพรรคมันเยอะเดี๋ยวนี้ แล้วก็มันจะบอกว่าห้ามเด็ดขาด ถ้าเป็นเสื้อแดงต้องพรรคโน้นพรรคนี้อย่างเดียว ห้ามไปพรรคไหน ใครจะไปพูดได้อย่างนั้น
.
แต่ว่าให้ภูมิใจไว้เถอะว่า ไอ้ความเป็นคนเสื้อแดงที่เคยถูกเขาเหยียดหยาม เคยถูกเขาปรามาส เคยถูกเขาไม่ให้ค่า บอกว่าเป็นพวกรับจ้าง บอกว่าเป็นพวกทำไร่ไถนาเรียกว่าไอ้ควายแดง วันนี้มันดูสดใสขึ้นมาแล้วในสายตาของคนจำนวนมาก วันนี้คราบไคลที่ถูกป้ายมันถูกชะล้างด้วยความจริง มันถูกชะล้างด้วยกาลเวลา แล้วถ้าหากสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นคุณค่า มันเป็นคุณค่าของประชาชนธรรมดาทุกคนที่เคยออกมาสู้ ไม่ได้เป็นคุณค่าของแกนนำ ไม่ได้เป็นคุณค่าขององค์กรนำใด ๆ แกนนำก็ต้องพิสูจน์ตัวเองกันต่อไปล่ะครับว่าใครใช่/ใครไม่ใช่ แต่สำหรับประชาชนคนธรรมดาที่สู้มือเปล่าหัวใจเดียวมาตลอด ผมว่าพิสูจน์แล้วว่าใช่ แล้วก็ของแท้ครับ.
.

ThePOINT #ข่าวการเมือง #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #คนเสื้อแดง #นปช. #เพื่อไทย