เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 มาเลย์เมล์ (Malay Mail) ตีพิมพ์บทความโดย Phar Kim Beng ศาสตราจารย์ด้านอาเซียนศึกษา จากมหาวิทยาลัยนานาชาติอิสลามมาเลเซีย เตือนรัฐบาลมาเลเซียให้ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งต่อการรับมือกับสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว
บทความชี้ว่า เหตุปะทะดังกล่าวสะท้อนความเปราะบางของข้อตกลงหยุดยิง ฝ่ายไทยกล่าวหากัมพูชาละเมิดซ้ำ ๆ ผ่านการใช้โดรน วางทุ่นระเบิด และปล่อยมวลชนข้ามแดน ขณะที่ไทยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเป็นเพียงการป้องกันตนเองจากผู้ชุมนุมที่รื้อแนวลวดหนามและขว้างปาก้อนหิน
แต่กัมพูชากลับสร้างภาพว่าเป็นการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน โดยนำผู้หญิง เด็ก และพระสงฆ์ไปอยู่แนวหน้า ทำให้ภาพพระสงฆ์สำลักแก๊สน้ำตากลายเป็นเครื่องมือเรียกคะแนนสงสารในเวทีระหว่างประเทศ
Phar Kim Beng เตือนว่า มาเลเซียกำลังถูกพัวพันโดยตรง หลังสมเด็จฯ ฮุน มาเน็ต พยายามสื่อสารว่ามาเลเซีย โดยเฉพาะนายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม เห็นอกเห็นใจฝั่งกัมพูชา ซึ่งหากมาเลเซียถูกมองว่า “เลือกข้าง” ก็อาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับไทย หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนและหุ้นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจและความมั่นคง
บทความเสนอว่า มาเลเซียควรยึดหลัก 3 ประการ
รวบรวมข้อมูลรอบด้าน ฟังทั้งกัมพูชาและไทย พร้อมตรวจสอบหลักฐาน เช่น รายงานการปฏิบัติการ ภาพถ่ายดาวเทียม และวิดีโอ
ผลักดันให้มีผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่เป็นกลาง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงอย่างอิสระ
แถลงอย่างสมดุล แสดงความห่วงใยด้านมนุษยธรรม แต่ไม่ตกเป็นเครื่องมือของการบิดเบือน
Phar Kim Beng ย้ำว่า สำหรับอาเซียนแล้ว การรักษาความเป็นกลางเป็นหัวใจสำคัญ หากมาเลเซียก้าวพลาดจะกระทบต่อบทบาทของทั้งภูมิภาคในฐานะ “คนกลางที่น่าเชื่อถือ” ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่ว่าจะในทะเลจีนใต้ เมียนมา หรือพื้นที่อื่น ๆ
สรุปว่า ความขัดแย้งที่หนองหญ้าแก้วไม่ได้เป็นเพียงเรื่องดินแดน แต่เป็นการช่วงชิง “การเล่าเรื่อง” (Narrative War) หากมาเลเซียหลงเชื่อภาพลวง ก็เสี่ยงต่อการเสียศรัทธาในภูมิภาค ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการยืนหยัดบนหลักความจริง ความสมดุล และความน่าเชื่อถือในเวทีอาเซียน
ขอบคุณที่มา Bangkok I Love You
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#ชายแดนไทยกัมพูชา #มาเลเซีย
#เขมรเคลม