นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชนและอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ระบุถึงสถานการณ์ทางการเมืองจะมีจุดพลิกเปลี่ยน 2 เหตุการณ์ ซึ่งเกิดจากศาล รธน.วินิจฉัยปมราษฎรต่างด้าว และการยุบพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล และพลังประชารัฐ
.
นายจตุพร กล่าวว่า การยุบพรรคนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศระเบียบใหม่ขยาย วิธีปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง ย่อมแสดงถึงการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นการวางแผนกระทำ โดยคาดช่วงเวลาเหมาะจะเกิดขึ้นหลังวันรับสมัตรเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้น ในทางการเมือง การยุบพรรคจึงอยู่ที่ฝ่ายอำนาจรัฐจะเอาหรือไม่เอาเท่านั้น
.
นายจตุพร กล่าวว่า อีกทั้ง เชื่อว่า เมื่อรัฐต้องการยุบ 2 พรรค คือ เพื่อไทยกับก้าวไกล การคาดคะเนแรงเหวี่ยงรุนแรงคงไม่น่าเกิดตามมา ทั้งนี้ประเมินจากการยุบพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่มีสมาชิกมากสุดถึง 14 ล้านเสียง ตามมาด้วยพรรคพลังประชาชน และล่าสุดยุบพรรคอนาคตใหม่ที่มีมวลชนมาก ก็ไม่มีปฏิกิริยารุนแรงอะไรตามมา สิ่งสำคัญ ผลสะเทือนที่น่าเป็นไปได้จะกระทบพ่วงไปยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วย เพราะต้องเชือดกันทุกฝ่าย เป็นการสร้างความชอบธรรมกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างหนึ่ง
.
ส่วนเพื่อไทยรณรงค์หาเสียงเน้นแลนด์สไลด์ได้ตั้งรัฐบาลและจะเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 3 ป.เข้าคุกให้หมดนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ดูเหมือนเป็นการพูดให้ใหญ่โตเท่านั้น แต่ถึงที่สุดไม่สามารถจัดการให้เป็นความจริงตามที่พูดอวดใหญ่ได้เลย แม้เลือกตั้งปี 2562 เคยประกาศเช่นนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายไม่เคยทำได้ ซ้ำร้ายกลับไปใช้บริการ พล.อ.ประยุทธ์ มาคุ้มครองรัฐบาลเพื่อไทยด้วยซ้ำไป จนลืมเสียงชนะของประชาชนที่มอบให้ แล้วต้องจบลที่ พล.อ.ระยุทธ์ ยึดอำนาจ ในปี 2557
.
“การประกาศครั้งนี้เป็นการพูดคำใหญ่ ยิ่งคนประกาศไม่มีอำนาจตัดสินใจพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคด้วยซ้ำไป การใช้คำใหญ่โตแบบนี้ ในวันที่ตัดสินใจตั้งรัฐบาลนั้น คนประกาศไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรด้วย ส่วนคนตัดสินใจไม่ได้พูดหาเสียงเลย”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร กล่าวว่า การประกาศเอา พล.อ.ประยุทธ์ เข้าคุก แค่ปลุกอารมณ์ขอคะแนนนิยม ขณะเดียวกันก็หลบหนีคำตอบจากคนที่มีหน้าที่โดยตรงว่า จับมือ พปชร.หรือไม่ เพราะประชาชนจะมีเส้นแบ่งบางๆ เกี่ยวกับการตัดใจในสถานการณ์จับมือกับ พปชร. อยู่แล้ว ดังนั้น คนที่มีอำนาจในพรรคต้องแถลงให้ชัดเพื่อตัดปัญหาทุกเรื่องราวให้ยุติลงได้ และประชาชนจะรู้อนาคตนำเสียงแลนด์สไลด์ไปทำอะไรหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง
.
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีประกาศจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวนั้น นายจตุพร เชื่อว่า สถานการณ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยไม่มีวันได้ถึง 376 เสียงตามประกาศคำคุยใหญ่เพื่อตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หากว่ากันตามทุกตรรกะแล้ว ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน โดยกรณี ทรท. เคยทำได้ถึง 377 เสียง (จากทั้งหมด 500 เสียง) ในปี 2548 นั้น เกิดขึ้นจากไม่มีพรรคแข่งขัน รวมทั้งยังควบรวมพรรคความหวังใหม่ เสรีธรรม และชาติพัฒนา พร้อมดูดเอา ส.ส.บ้านใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ เข้ามาด้วย
.
“ดังนั้น การพูดคำใหญ่ เป็นการใช้รูปแบบโต้วาทีมาหักล้างประเด็นต่างๆ ที่ไม่ต้องการจะตอบคำถาม ซึ่งคนการเมืองและประชาชนฟังแล้ว จะเข้าใจว่า ใช้คำใหญ่ไว้กลบเกลื่อนอาการ หลบเลี่ยงความผิดของตัวเอง ที่สำคัญคนพูดก็ไม่ได้รับผิดชอบ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และไม่มีสิทธิ์เป็นสมาชิกพรรคใดๆ ได้ด้วย”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร มั่นใจว่า ความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ระหว่างเพื่อไทยกับ พปชร.และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงอดีตรัฐมนตรีที่เคยใกล้ชิดทักษิณ ชินวัตร มาก่อน จึงมีอะไรซ้อนกันไปมามากมายในทางการเมือง ยิ่งกรณีบ้านใหญ่ กลุ่มชลบุรี ซึ่งนายอิทธิพล คุณปลื้ม ยังไม่พูดเด็ดขาดกับอนาคตจะไปอยู่กับเพื่อไทยหรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) คงมีเพียงนายสนธยา คุณปลื้ม พี่ชายเท่านั้นออกมาปฏิเสธแทนน้องชายว่า จะมาอยู่ด้วยกันที่เพื่อไทยกันยกครัวคุณปลื้ม ไม่แตกแถว แยกทางกัน
.
“บ้านใหญ่มีความแข็งแรงในการบริหารจัดการคะแนนเสียง แต่มีจุดอ่อนในเรื่องอำนาจทางกฎหมาย ดังนั้น ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้แล้ว จุดแข็งของบ้านใหญ่จะกลายเป็นจุดอ่อนที่สุดที่จะถูก ปปง. กรมที่ดิน ปปช. คตง. และ สตง. รุมตี” พร้อมทั้งระบุว่า เมื่อบ้านใหญ่มาสังกัดเพื่อไทย ต้องสละผู้สมัครเดิมของพรรคทิ้งไปจึงเป็นการเพาะปมความเจ็บแค้นใจ แล้วจะเกิดปัญหากระหน่ำตีบ้านใหญ่ตามมาอีกด้วย
.
นายจตุพร สงสัยว่า ถ้าเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาล แล้วจะจัดการ พล.อ.ประยุทธ์ กับ 3 ป.ได้จริงหรือ? การพูดเอามันในการหาเสียงก็พูดได้ แต่การสลายชุมนุมปี 2553 นั้น เพื่อไทยเคยมีโอกาสจัดการ พล.องประยุทธ์ แล้วในปี 2554 แต่ไม่ทำ ทั้งที่หาเสียงสัญญาจะรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ก็ยังไม่กล้าทำ ดังนั้น การพูดเอามันเมื่อหาเสียงจะหาความจริงไม่ได้เลย
.
นายจตุพร กล่าวว่า นอกจากนี้ ระบุว่า ภายใต้ รธน. 2560 กลไกองค์กรอิสระล้วนอยู่ภายใต้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่ต้น ไม่ว่า ศาล รธน. กกต. ปปช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ดังนั้น ความเป็นไปได้ในการตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเพื่อจัดการส่ง พล.อ.ประยุทธ์ เข้าคุก ได้แต่พูดเอามันช่วงการหาเสียง แต่เอาจริงกันไม่ได้
.
“ขณะนี้ ผมดูว่า การพูดอะไรเพื่อให้ได้คะแนนเสียงอย่างเดียวนั้น ท้ายที่สุดไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไรเลย แค่คดีตู้ห่าว เพื่อไทยกลับเงียบไม่พูดถึงให้ชัด เพราะมีสองขั้นตอนคือ เพื่อไทยอนุญาตกับการประกาศให้สัญชาติในราชกิจจานุเบกษาที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ลงนามนั้น ล้วนแต่พูดอภิปรายฯกันเท่านั้น แต่ไม่มีการดำเนินคดีตามกฎหมายใดๆ ตามมาเลย”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีนอมินีถือแทนโครงการบ้านหรูและที่ดินของทุนจีนเทาและตู้ห่าว นายจตุพร กล่าวว่า ยังไม่มีการขยายผลทำกันจริงจัง ซึ่งไม่ได้มีแค่โครงการบ่้านจัดสรรหรูหมู่บ้านเดียว ยังมีอีกมากมาย ต้องดำเนินการทางกฎหมายให้เสมอภาคกัน แต่สิ่งที่รัฐบาลรีบทำกลับเป็นการเปลี่ยนแผนที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อช่วยรีสอร์ตบุกรุกป่าไม่มีความผิดและสามารถดำเนินการกิจการอยู่ได้ต่อไป
.
“เราจึงบอกว่าที่พูดคำใหญ่นั้น เป็นการหาเสียง ไม่ได้หาความจริงให้ประชาชน ผมเชื่อว่าประชาชนอยากเปลี่ยน พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อคุณฉุดกระชาก ลาก พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาสู้ใหม่ ทั้งที่ตายทางการเมืองไปแล้ว แต่ทักษิณ ชุบชีวิตปลุกขึ้นมาสู้ใหม่ จนกลายเป็นกระแสตัวแทนของภาคใต้ที่ประกาศหาเสียง ให้เลือกลุงตู่เพื่อหยุดทักษิณไปแล้ว ซึ่งเป็นหารปลุกปั่นบรรยากาศความขัดแย้งในช่วงหาเสียง”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร ในช่วง 4 ปีผ่านมา การที่เพื่อไทยลากยาวอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนไม่เหลือเวลาให้ก้าวไกลอภิปรายฯ พล.อ.ประวิตร ก็ทำมาแล้ว สิ่งนี้ย่อมพิสูจน์มิตรไมตรีทางการเมืองอันแน่นแฟ้นเหนียวหนึบกันอย่างยิ่ง
.
“เราจึงเห็นว่า ไว้วางใจอะไรไม่ได้เลย เหมือนการหาเสียงพูดคำใหญ่ว่า เพื่อไทยมาจับ พล.อ.ประยุทธ์ติดคุกไปทั้งแก๊ง ฟังแล้วมันในอารมณ์อย่างยิ่ง แต่ปี 2554 ชนะแล้วตั้งรัฐบาลก็ยังไม่ทำเลย แถมไปร่วมมือกับเขาเสียอีก และยังสมยอมกันจนถึงวันยึดอำนาจ”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร ย้ำว่า หากการหาเสียงไม่ยึดโยงความจริง แต่ต้องการเป็นแค่ชั่วคราว แล้วย่อมได้ชัยชนะชั่วคราวกันมาตลอด จึงไม่เคยมีชนะอย่างยั่งยืน ถาวร จนส่งผลลัพธ์สุดท้ายประชาชนไม่ได้อะไรตามเคย และคนที่พูดก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอีกด้วย เหมือนพูดคำใหญ่แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.
อีกอย่างอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และลูกสาวทักษิณ นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าต้องการเป็นนายกฯ ต้องกล้าเป็นตัวจริง ไม่ใช่ร่างทรงคนอื่น หรือนอมินี หรือเป็นตัวแทนให้กับใคร แต่ต้องเป็นนายกฯ ด้วยความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพในตัวเอง แล้วแสดงออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น ถ้าทำแบบเดิมๆ หวังมีอำนาจเพื่อเป็นร่างทรง ตัวแทนกันอีก ที่สุดจะจบแบบเดิมและประชาชนไม่ได้อะไรจากการเป็นรัฐบาลอีกตามเคย
.
‘จตุพร’หยัน’เพื่อไทย’โม้คำใหญ่จับ’ประยุทธ์’ติดคุกยกแก๊ง!!โวตั้งรบ.พรรคเดียว จี้’อุ๊งอิ๊ง’ประกาศเป็นตัวจริงไม่ใช่ร่างทรง
- Advertisement -